วันนี้การออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายของประชาชน เริ่มหนาตาและหลากหลายเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลอาศัยจังหวะที่ประชาชนกำลังเผชิญภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ชิงลักไก่เสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภา
แทนที่จะเร่งช่วยเหลือประชาชนในช่วงยากลำบากของชีวิต กลับเห็นการมีบ่อนกาสิโนสำคัญกว่า
การออกมาแสดงจุดยืนไม่เอากาสิโนของคนในสังคมเวลานี้ อารมณ์ใกล้เคียงกับบรรยากาศก่อนเกิดการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.ในปี 2556 เข้าไปทุกที ที่ครั้งนั้น มีกฎหมายลักหลับ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเป็นเชื้อปะทุ
จนนำไปสู่กระแสต้านคนโกง ลุกลามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย ไปจนถึงเด็กอนุบาล
ในอดีตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมาก ก่อนจะทำโครงการก็เคยถูกทั้ง ป.ป.ช.และทีดีอาร์ไอ ออกมาส่งเสียงเตือนดัง ๆ แต่รัฐบาลในขณะนั้น ก็ไม่ได้นำพา และเดินหน้าโครงการด้วยเหตุผลที่ว่าได้แถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภาเอาไว้แล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน
ล่าสุดที่ประชุมราชบัณฑิตยสภา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ได้มีมติไม่เห็นด้วยกับการนำร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพราะได้ไม่คุ้มเสียและจะสร้างปัญหาร้ายแรงตามมามากมาย โดยที่ประชุมราชบัณฑิต ได้พิจารณาและเห็นชอบรายงานการศึกษาของ ศ.ดร.วรเดช จันทรศร ราชบัณฑิต ที่เสนอว่า
รัฐบาลควรยุติหรือชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่นำร่างกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้ารัฐบาลจะผลักดันนโยบายนี้เป็นกฎหมายต่อไป ให้พัฒนาร่างกฎหมายนี้ในเชิงนโยบาย โดยเน้นมาตรการที่สำคัญคือ การเพิ่มการให้ความสำคัญที่มาตรการในการแก้ปัญหาสังคมและอาชญากรรมและมาตรการอื่น ๆ ที่มุ่งการเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดมากที่สุด ตลอดจนมีมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้านอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน สังคม และประเทศอย่างยั่งยืน
“ถ้าประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมดตามความมุ่งหมาย ก็จะต้องแลกกับปัญหาต่าง ๆ ทางสังคมที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ การเกิดขึ้นของอาชญากรรมในลักษณะต่าง ๆ ปัญหาความเสื่อมทางศีลธรรมและค่านิยมของสังคมจะตามมาและสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับสังคมไทยเองก็จะเกิดความมัวหมองเสื่อมทราม ในความเป็นประเทศและเมืองแห่งพระพุทธศาสนา มีการสร้างค่านิยมทางสังคมที่สนับสนุนให้คนส่วนหนึ่งในชาติ ต้องยังชีพหรือมีอาชีพด้วยการอาศัยการพนัน และมีบางส่วนที่ติดการพนัน อีกทั้งเป็นแหล่งดึงดูดให้มีกลุ่มที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาเล่นพนัน นำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอก แปลงเป็นเงินที่ออกมาจากคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย” ข้อความในรายงานสรุปเอาไว้
โบราณว่า จิ้งจกทักยังต้องฟัง!!
ส่วนรัฐบาลจะฟังไม่ฟัง เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะตัดสินใจเอาเอง โดยเฉพาะที่ประเมินกันว่า ม็อบจุดไม่ติด ไม่มีพลังพอที่จะเขย่ารัฐบาลได้ เพราะขาดองค์ประกอบสำคัญที่เรียกกันว่า "แก้วสามประการ" คือ มวลชน ทุน และผู้นำที่มีบารมี
โดยหากเทียบกับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลในอดีต ไม่ว่าจะเป็นม็อบ "เหลือง-แดง" หรือ กปปส.นอกจากจะมีแก้วสามประการที่ว่าครบแล้ว ยังมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนเรื่องมวลชน คอยสับเปลี่ยนกำลัง หมุนเวียนให้ตลอด
"เต็มออกๆๆๆ" หลายคนคงคุ้นหูอยู่
แต่วันนี้ พรรคการเมืองเหล่านั้น เข้าไปผสมพันธุ์เป็นเนื้อเดียวอยู่ในรัฐบาลด้วยกัน ส่วนพรรคฝ่ายค้าน ก็เป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมือง ที่มีอุดมการณ์ และจุดยืนแปลกแยกกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน
หรือแม้แต่สื่อเองก็ถูกมองว่า มีการเข้ามาจัดระเบียบ จัดแถวด้วยเหมือนกัน
ด้วยเหตุผลที่ว่านี้ จึงทำให้รัฐบาลเกิดความมั่นใจ จนใกล้ ๆ จะย่ามใจเข้าไปทุกทีว่า ตราบใดที่ยังสมประโยชน์ ยื่นหมู ยื่นแมวกันในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะสองพรรคหลักได้ลงตัว ก็ไม่มีอะไรมาทำให้รัฐบาลนี้สั่นสะเทือนได้
ขนาดแผ่นดินไหวในรอบร้อยปี เขย่าตึกสูงสะเทือนไปทั่งกรุง ยังไม่ระคายผิวรัฐบาล แล้วนับประสาอะไรกับม็อบขาประจำไม่กี่คนจะมาทำอะไรได้
ถ้ามั่นใจถึงขนาดนั้น ก็ว่ากันไปตามสะดวกเถิด แต่ควรเผื่อ ๆ เอาไว้บ้าง อย่าได้ประเมินพลังประชาชนต่ำเกินไป.