นับว่า กกต.เล่นเกมเร็ว เมื่อประกาศให้มีการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช ในวันอาทิตย์ 27 เมษายนนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นเดือนถัดไปในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568
เป็นการเลือกตั้งซ่อมแทน มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.พรรคภูมิใจไทย ที่ถูก กกต.ให้ใบแดง และศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตาม กกต.ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน
โดยเปิดรับสมัครในวันที่ 2 - 6 เมษายนนี้ ซึ่งถ้าจะบอกว่าเร็วก็คงเร็ว แต่ไม่ถึงขั้นปุ๊บปั๊บ ชนิดไม่ทันให้ตั้งเนื้อตั้งตัวเสียทีเดียว เพราะต่างรู้ล่วงหน้ากันมาเป็นปี นับตั้งแต่ กกต.มีมติให้ใบแดง และส่งคำร้องไปให้ศาลพิจารณา
ดังนั้น ใครที่คิดจะลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมสส.ครั้งนี้ ก็คงแต่งตัว ผัดหน้า ทาแป้ง รอไว้นานแล้ว เพราะต้องลงสมัครในนามพรรคการเมืองและเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน
แต่การให้เวลาหาเสียงสั้น ๆ เพียง 20 วัน ก็นับเป็นเกมเสี่ยงไม่น้อย เพราะต้องไปขอคะแนนจากประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาบอน อำเภอช้างกลาง อำเภอฉวาง และอำเภอพิปูน
ยกเว้นแชมป์เก่า ที่อาจจะได้เปรียบเพราะเกาะติดพื้นที่มาตลอด ส่วนคู่แข่งอาจมีเวลาหาเสียงน้อยไปหน่อย
การเลือกตั้งซ่อม สส.ถ้าเป็นในสมัยอดีต จะเป็นสนามที่แข่งขันกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เพื่อวัดกระแสนิยมไปด้วยในตัว โดยเฉพาะในฝ่ายรัฐบาล พรรคร่วมฯ จะไม่ส่งผู้สมัครแข่งกันเอง และให้สิทธิกับพรรคที่เป็นเจ้าของที่นั่งเดิมลงสมัคร
แต่มาในรัฐบาลชุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เห็นการแข่งขันกันเองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยเริ่มจากการเลือกตั้งซ่อมใน จ.นครศรีธรรมราช นี่แหล่ะ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของเก้าอี้เดิม ถามหามารยาทจากพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำรัฐบาลในเวลานั้น
ทว่าอีกฝ่ายบอกเป็นเรื่องของการแข่งขันในระบอบประชาธิปไตย
มาหนนี้ก็ซ้ำรอยเดิมอีก เมื่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเจ้าของเก้าอี้ประกาศส่ง ไสว เลื่องสีนิล สามีของอดีตสส.มุกดาวรรณ ลงสมัคร ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันทั้ง ประชาธิปัตย์ พรรคกล้าธรรม ก็ประกาศส่งผู้สมัครด้วยเช่นกัน ไม่นับฝ่ายค้านที่พรรคประชาชน และพลังประชารัฐ ก็จะส่งผู้สมัครด้วย
งานนี้ไม่มีใครถามหาคำว่ามารยาทอีกต่อไป มีเพียงเสียงแผ่วเบาจาก พิพัฒน์ รัชกิจประการ ขุนพลภาคใต้ของภูมิใจไทย ที่บอกกับนักข่าวว่า
"ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เพราะส่วนมากที่ลงไปต่อสู้กันก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนจะมีการหลีกให้กันหรือไม่ คิดว่าแล้วแต่พรรคร่วมฯ จะพิจารณา แต่โดยมารยาทเราเป็นผู้เสียหาย เราก็ต้องส่ง"
มาถึง พ.ศ.นี้ วัฒนธรรมการเมืองแบบเดิมไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว เพราะแม้จะอยู่ในซีกรัฐบาลด้วยกัน แต่เสียงที่พรรคตัวเองได้เพิ่มขึ้นมา มันอาจจะนำไปคำนวณเป็นสัดส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี ตามสูตรคณิตศาสตร์ได้หากมีการปรับครม.เกิดขึ้น
วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย รักษาเก้าอี้สส.บึงกาฬเอาไว้ได้ โดยใช้สูตร "สลับร่างสร้างชาติ" ผัวถูกตัดสิทธิ์ให้เมียมาเป็นแทน เที่ยวนี้เมียถูกตัดสิทธิ์ ก็ส่งผัวลงสมัครแทน
ต่างกันตรงที่บึงกาฬ ไม่มีคู่แข่ง ต้องแข่งกับตัวเอง ไม่ให้พ่ายเสียงโหวตโนหรือถูกรัฐธรรมนูญน็อคก็ผ่านเข้ามาได้
แต่ที่เขต 8 นครศรีธรรมราช คงต้องออกแรงเพิ่มอีกหลายเท่าตัว เพราะมีทั้ง ชินวรณ์ บุณญเกียรติ จากค่ายประชาธิปัตย์ ก้องเกียรติ เกียรติสมบัติ พรรคกล้าธรรม มวยสร้างของ "ผู้กองธรรมนัส" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และอีกคนจากค่ายสีส้ม ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง พรรคประชาชน
ถ้าเทียบกันแค่สี่คนนี้ ชื่อชั้นของ "ชินวรณ์" อดีตรมว.ศึกษาธิการ อดีตสส. 9 สมัย และเป็นแม่ทัพภาคใต้มาก่อน น่าจะมีโปรไฟล์เหนือชั้นกว่าคนอื่น ๆ แต่ดูจากคะแนนหนที่แล้วได้มา 8 พันกว่าคะแนน แถมประชาธิปัตย์ยังไม่ฟื้น ในพื้นที่ก็แตกกันหลายก๊ก และรอชำระแค้นฝังหุ่นกันอยู่ตลอด
เที่ยวนี้โอกาสของ "ชินวรณ์" จึงมีไม่มาก ไหนจะต้องมาเจอกับ "ก้องเกียรติ" จากพรรคกล้าธรรม ที่เป็นลูกเขยของตัวเองอีกต่างหาก ส่วนพรรคสีส้ม ก็คงไม่มีกระแสส่งไปให้ถึงฝั่งฝันได้
ถามไถ่จากคนในพื้นที่แล้ว การที่ค่ายสีน้ำเงินส่งสัญญาณให้กกต.เล่นเกมเร็ว จึงน่าจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยและป้องกันการออกอาวุธของผู้กองได้ดีกว่า
เลือกตั้งซ่อมสส.เขต 8 นครศรีธรรมราช สนามนี้จึงเป็นการแข่งกันเองของคนในพรรคร่วมรัฐบาล และน่าจะชิงกันแค่ "ภูมิใจไทย-กล้าธรรม" เท่านั้น
ส่วนใครจะแพ้ ใครจะชนะ งานนี้วัดกันที่ฝ่ายไหนจะออกอาวุธได้ดีกว่ากัน?!