วัด = กาสิโน ตรรกะสิ้นคิด?!

17 เม.ย. 2568 - 02:56

  • รัฐบาลถอยไม่เป็นขบวนกรณี พ.ร.บ.กาสิโนเสรี

  • ยังมีความพยายามในการสร้างความเข้าใจและให้ยอมรับ

  • แนวทางใหม่ยกกาสิโนเปรียบเหมือนกับวัด

politics_thailand_government_temple_casino_illogical_SPACEBAR_Hero_8da9cdf853.jpg

ในระหว่างปิดสมัยประชุมสภา แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แจกการบ้านให้สส.เพื่อไทย ไปทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ให้ตรงกันกับที่รัฐบาลประสงค์จะให้เข้าใจ

โดยเฉพาะในส่วนของกาสิโน ที่มีสัดส่วนเพียง 10% นั้น ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าได้ ต้องมีเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย ที่สำคัญการเปิดต้องยื่นขออนุญาต และต้องใช้เงินลงทุนเป็นแสนล้านบาท ไม่ใช่จะเปิดที่ไหนก็ได้

ในสายตาของรัฐบาลมองว่า ฝ่ายคัดค้านบิดเบือน พูดถึงแต่กาสิโน ไม่พูดถึงส่วนอื่นอีก 90% ทำให้ ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ ประธานสส.เพื่อไทย ยกเอาสถานบันเทิงครบวงจรไปเทียบกับวัด ที่คนเข้าวัดไม่ได้ไปขอหวยกันเท่านั้น

‘เหมือนคนไปวัด ไม่ใช่ไปขอหวยกันหมด คนไปไหว้พระขอพรก็มี คนไปเที่ยวเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็จูงลูกหลานไปเที่ยวส่วนอื่น’

ไม่รู้การเปรียบเทียบแบบนี้ของผู้ทรงเกียรติจากเมืองพะเยา จะทำให้คนหายสงสัยหรือคาใจเพิ่มขึ้น

ในฐานะคนที่เคยผ่านวัดมาบ้าง และเชื่อว่าคงมีอีกหลายคนที่รับไม่ได้กับ ‘ตรรกะเห่ยๆ’ แบบนี้ เพราะในทางพระพุทธศาสนานอกจากจะจำแนกบุคคลออกเป็น 4 กลุ่ม ที่เรียก ‘บัว 4 เหล่า’ เพื่อให้ง่ายต่อการอบรมสั่งสอนในการเข้าถึงธรรมะแล้ว ยังมีคำว่า เปลือก กระพี้ แก่น จำแนกออกไปอีก

ดังนั้น เมื่อแต่ละคนมีพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน จึงจำเป็นต้องมี ‘กุศโลบาย’ หรืออุบายที่เป็นกุศล ในการดึงคนเข้าวัดเพื่อไปซึมซับรสพระธรรม ซึ่งจะได้เห็นสิ่งปลูกสร้างหรือวัตถุมงคลต่างๆ อยู่ภายในวัด มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป

นั่นคือ กุศโลบาย

ส่วนเมื่อเข้าวัดไปแล้ว จะได้หวยเป็นของแถม หรือตั้งใจเข้าไปหาหวย แต่กลับได้ ‘อริยทรัพย์’ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนกว่าเลข 2 ตัว 3 ตัว ก็สุดแท้แต่ความตื้น ลึก หนา บางของสติปัญญาแต่ละคนไป 

ในขณะที่สถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลกำลังผลักดันนั้น เปรียบเหมือนเป็นสถานที่อโคจร อันสัตบุรุษ คนดีมีคุณธรรม ผู้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย ไม่พึงไปส้องเสพข้องแวะ

การเอากาสิโน 10% มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเข้าไปใช้บริการ จึงเสมอเป็น ‘เพทุบาย’ ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง ไม่ต่างจากพวกมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ทั้งหลายทำกันนั่นเอง

การใช้เล่ห์เพทุบายตรงนี้ต่างหาก ที่น่าจะใช้คำว่า ‘บิดเบือน’ ได้ถูกฝาถูกตัวมากกว่า

ก่อนหน้านี้้ มีนักวิชาการหลายคนออกมาทัดทานการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นในประทศไทย เป็น‘นโยบายสิ้นคิด’ เพราะหลายประเทศที่อนุญาตให้มีนั้น เพราะเขาไม่มีอะไรจะขาย ผืนดินแห้งแล้ง ทุรกันดาร เป็นทะเลทราย

แต่ประเทศไทย มีจุดแข็งที่เป็นจุดขายมากมาย ทั้งโบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม ทะเล ภูเขา ป่าไม้ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เข้ามาสัมผัสกับรอยยิ้มสยาม

แต่พอรัฐบาลเพื่อไทย ‘ยุคแแดงกาสิโน’ จะสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียก Man Made Destinations ที่มนุษย์สร้างขึ้น แห่ตามเมืองนอกเมืองนา ที่ประเทศเขาไม่มีดินดำน้ำชุ่มเหมือนที่เรามี จึงถูกนักวิชาการมองเป็นนโยบายสิ้นคิด

คงไม่ต่างกับที่เอาสถานบันเทิงครบวงจรไปเทียบกับวัด ก็เป็นตรรกะสิ้นคิดเหมือนกันอีกนั่นแหล่ะ!!

อ้างอิง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์