วงข้าว ‘พญาอ้อ-ลูก 2 อ.’ ยังไม่ถึงเวลา ‘อิ๊งค์’
น้ำตาของ ‘คุณหญิงอ้อ-พจมาน ดามาพงศ์’ ที่ปรากฏออกสื่อ ในวันที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาวคนเล็ก ก้าวขึ้นเป็น นายกฯ อย่างเป็นทางการ ในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เป็น นายกฯ ที่ 31 เมื่อ 18ส.ค.67 ปรากฏภาพ ‘ครอบครัว ทักษิณ’ อยู่พร้อมหน้ากัน ผ่านสื่อเป็นครั้งแรกๆ นับจากที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ กลับไทย 22 ส.ค.66 อีกทั้งเป็น 1 วัน หลัง ‘ทักษิณ’ ได้รับ ‘อภัยโทษ’
‘พจมาน’ ในฐานะ ‘นางพญาหลังบ้าน’ ตั้งแต่ยุค ‘รบ.ทักษิณ’ ด้วยบุคลิก ‘นิ่ง-สุขุม-ไม่นิยมเป็นข่าว’ ทำให้การปรากฏตัวแต่ละครั้งถูกจับจ้อง ตลอด 17 ปี ที่ ‘ทักษิณ’ อยู่ต่างประเทศ หลายสิ่งในไทย ‘พจมาน’ ต้องแบกรับแทน
ช่วงหลังเลือกตั้งปี 2566 ที่อยู่ระหว่าง ‘อดีตพรรคก้าวไกล’ จัดตั้งรัฐบาล ประมาณกลางเดือน มิ.ย.66 ‘พจมาน’ พร้อม ‘แพทองธาร’ และ ‘เอม-พินทองธา ชินวัตร คุณากรวงศ์’ ได้ไปทานข้าวกลางวันโรงแรมย่านหลานหลวง
มีรายงานความเคลื่อนไหวการพูดคุยว่า ‘แพทองธาร’ ยังไม่ถึงเวลาเป็น นายกฯ อยากให้รออีก 5 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายกับสถานการณ์เมืองในปัจจุบัน เพราะอายุแค่เพียง 37 ปี (ในขณะนั้น) อีกทั้งยังมีแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นที่เหมาะสมกว่า เช่น เศรษฐา ทวีสิน , พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สุดท้าย ‘อดีตพรรคก้าวไกล’ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เหตุรวมเสียง สส. และ สว. ได้ไม่ถึงเป้าตาม รธน. ทำให้ ‘เพื่อไทย’ รับไม้ต่อจัดตั้งรัฐบาล โหวตให้ ‘เศรษฐา’ ขึ้นเป็น นายกฯ ได้สำเร็จ ผ่านการตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ระหว่าง ‘เพื่อไทย’ กับ ‘ขั้วอนุรักษนิยม’
‘อิ๊งค์’ หูดับกลางสนามบิน
ทว่า ‘เศรษฐา’ ก็เป็น นายกฯ ได้เพียง 1 ปี เท่านั้น เหตุ ‘สะดุดขาตัวเอง’ หลังตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ นั่ง รมต.สำนักนายกฯ โดน ‘สว.สายบ้านป่าฯ’ ยื่นร้องศาล รธน. เพราะมีชนักติดหลัง ‘คดีถึงขนม’ ในอดีต
แม้แต่ ‘แพทองธาร’ ก็ไม่คาดคิด ‘เศรษฐา’ จะหลุดนายกฯ เพราะในขณะนั้น ‘แพทองธาร’ เดินทางไปประเทศจีน ในหลักสูตรอบรม ‘มินิ วปอ.’ เมื่อเดินทางมาถึงไทย ‘ปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์’ สามี เป็นผู้แจ้งข่าวกลางสนามบิน มีรายงานว่าในขณะนั้น ‘แพทองธาร’ ถึงขั้น ‘หูดับชั่วครู่’ เพราะไม่คิดว่า ‘เศรษฐา’ จะหลุดนายกฯ
ในคืนวันเดียวกัน ‘แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล’ มุ่งตรงสู่ ถ.จรัญสนิทวงศ์ เพื่อไปยัง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ เพื่อฝ่ามรสุมครั้งนี้ ที่เห็นพ้องให้เสนอชื่อ ‘แพทองธาร’ ขึ้นเป็น นายกฯ คนต่อไป ถือเป็น ‘ไฟท์บังคับ’ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ส่วน ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หน.ภูมิใจไทย ก็ยืนกรานชัดเจนในขณะนั้นว่า “นายกฯ คือ แพทองธาร”
เดจาวู ‘นายกฯอิ๊งค์-นายกฯนิด’
ผ่านมา 9 เดือน ชะตากรรม ‘แพทองธาร’ จะซ้ำรอย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ หรือไม่ ? จากเชื้อไฟ ‘สารตั้งต้น’ กรณีคลิปเสียง ‘แพทองธาร’ พูดคุยกับ ‘ฮุน เซน’ ที่ 36 สว. ยื่นเรื่องผ่าน ‘มงคล สุระสัจจะ’ประธาน สว. เพื่อส่งคำร้องไปยังศาล รธน.
1. ให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (แพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)
2. ให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาล รธน. จะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า "ผู้ถูกร้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวและแอบเจรจากับประธานวุฒิสภากัมพูชาในลักษณะเป็นภัยภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและยากแก่การเยียวมาในภายหลัง ดังนั้นเพื่อป้องกันความรุนแรงอันใกล้ที่จะถึง ประกอบกับคำร้องของผู้ร้องมีเหตุอันมีน้ำหนักที่ศาลจะวินิจฉัยให้เป็นไปตามคำร้อง"
จึงขอให้ศาล รธน. กำหนดมาตรการหรือวิธีการเป็นการชั่วคราว โดยสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ซึ่งเรื่องนี้ ‘แพทองธาร’ ยอมรับว่า มีการประเมินเรื่องนี้ หากต้องสนับสนุนในเรื่องข้อมูลหรืออะไรก็พร้อมในการให้ข้อมูลและชี้แจง พร้อมอธิบายเล่าทุกเหตุการณ์
สำหรับ ‘ถ้อยคำสนทนา’ ที่ถูกจับตาที่สุดจากคลิปเสียง 17 นาที 6 วินาที คือ "บอกว่าจริงๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" ที่ ‘แพทองธาร’ กล่าวกับ ‘ฮุน เซน’
ทั้งหมดนี้ติดตามว่า 1 ก.ค. ที่มีการประชุมศาล รธน. จะมีวาระพิจารณา ‘รับ/ไม่รับ’ คำร้อง 36 สว. หรือไม่ และ ‘หากรับ’ ศาล รธน. จะสั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ซึ่ง ‘นครินทร์ เมฆไตรรัตน์’ ประธานศาล รธน.กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องฯ 1 ก.ค.นี้ เป็นไปได้ แต่ขอดูสำนักงานศาล รธน. ตรวจเอกสารให้เรียบร้อย-ถูกต้องก่อน และเข้าองค์คณะตุลาการศาล รธน. ซึ่งมีทางออก 2 ทาง คือ ‘รับ-ไม่รับ’ ไม่มีทางสาม
ในกรณีหาก ศาล รธน. รับพิจารณาคดี จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ‘นครินทร์’ กล่าวว่า “ก็ต้องดู อย่างแรงต้องตอบว่ารับหรือไม่รับ อย่าพยายามถามข้ามขั้นตอน”
“ไม่จำเป็น (ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่) ก็ต้องดูว่ามีข้อเท็จจริง สงสัยว่าการหยุดปฏิบัติหน้า ทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ เราก็เคยมีเรื่องรับจำนวนหนึ่ง ที่เราไม่ได้ให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ว่ารับคดีเหล่านี้แล้วแปลว่าต้องยุติปฎิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็น” นครินทร์ กล่าว
ป.ป.ช. รับมีดรอ – จะโดนอาญาไหม ?
อีกวิบากกรรม คือ 34 สว. นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและดำเนินการกับ ‘แพทองธาร’ โดยใช้ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เอกสารประกอบการพิจารณาชุดเดียวกัน
คำกล่าวหาของคณะ สว. ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. โดยขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ 2 ข้อ
1. ไต่สวนและดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลฎีกา และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อ ‘เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง’ หรือ ‘เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง’ และ ‘ดำเนินคดีอาญา’ ฐานความผิดต่างๆ รวมทั้งดำเนินคดีอื่นใดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับผู้ถูกกล่าวหาและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต่อไป
2. ขอให้มีคำสั่งให้ผู้กล่าวหา ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯเป็นการชั่วคราว’ ไว้ก่อน จนกว่าจะปรากฏการไต่สวนของ ป.ป.ช. ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอาณาเขตไทย อำนาจอธิปไตยของชาติ และความเสียหายต่อผลประโยชน์อื่นของประเทศชาติและประชาชน
ล่าสุด ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้ ‘รับตรวจสอบ’ เบื้องต้นกรณี ‘คลิปเสียง’ ด้วยการถอดเทป พร้อมแปลภาษาต่างประเทศให้ถูกต้อง เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานสำคัญทางคดี รวมถึงการสอบพยานผู้เกี่ยวข้อง
ทั้งหมดนี้เป็น ‘ชะตากรรมเบื้องต้น’ ยังไม่นับรวมคดีที่มี ‘นักร้อง’ ไปยื่น ‘องค์กรอิสระ’ เพิ่มอีก รวมทั้ง ‘พรรคภูมิใจไทย’ ประกาศเตรียมยื่น ‘ซักฟอก’ ม.151 แบบลงมติกับ ‘ครม.อิ๊งค์’ ที่อยู่ระหว่าง ‘ฟอร์มทีม ครม.’ ชุดใหม่ และการเมืองบนถนนของ ‘กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน’ ที่รวมพล ‘โจทก์เก่าชินวัตร’ ตั้งแต่ยุค ‘เสื้อเหลือง’ มาถึง ‘แดงแปรพักตร์’ ที่ประกาศชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.นี้ ที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ดังนั้น ‘น้ำตา’ ของ ‘พจมาน’ จึงเสมือนรู้ชะตากรรม ‘แพทองธาร’ บนเส้นทางการเมือง ที่ไม่อยากให้ ‘ลูกสาว’ ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้
