ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่ 1 แถลงข่าวภายหลังการประชุมลงมติกรณีที่ นายสมศักดิ์เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ มีการวีโต้มติของแพทยสภา ซึ่งสั่งลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

โดย ศ.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า การประชุมวาระดังกล่าว มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 69 คน โดยที่ประชุมมีมติเกินกว่า 2 ใน 3 ให้ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 โดยหลังจากนี้แพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติ และแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบภายในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.)
ศ.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่า การประชุมของกรรมการแพทยสภาวันนี้ เป็นกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นอย่างชัดเจน โดยการประชุมวันนี้กรรมการแพทยสภาได้นำข้อมูลการวีโต้คำสั่งของ รมว.สาธารณสุข มาเปรียบเทียบกับมติของแพทยสภา เพื่อให้กรรมการได้วิเคราะห์ และใช้ดุลยพินิจของตัวเอง ก่อนจะมีมติออกมา ย้ำว่ากระบวนการวันนี้ เป็นกระบวนการโปร่งใส่และชัดเจน

ส่วนกรณีที่ทักษิณอ้างว่ามีแชทหลุมของหนึ่งกรรมการแพทยสภา ส่งสติ๊กเกอร์คำว่า YES ตอบรับข้อความที่ตำหนิทักษิณ ศ.นพ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในไลน์กลุ่มอื่น ที่ไม่ใช่กลุ่มไลน์ที่เป็นทางการของแพทยสภา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ารูปแชทดังกล่าว ได้ลบชื่อห้องกลุ่มไลน์ออก
พร้อมระบุว่า สมาชิกในห้องแชทดังกล่าวไม่ใช่กรรมการแพทยสภา แต่เนื่องจากมีสมาชิกท่านหนึ่งการกล่าวถึงทักษิณ กรรมการแพทยสภาอีกท่านจึงส่งสติ๊กเกอร์ไลน์คำว่า YES ตอบกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วย เป็นเพียงการตอบรับเท่านั้น เหมือนที่หลายๆ คนคงทำตอนมีข้อความส่งมา
เพราะฉะนั้น หากถามว่ากรณีดังกล่าวจะกระทบกัยการทำหน้าที่หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ และที่สำคัญการพิจารณาวาระนี้ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือผู้ป่วย เป็นการพิจารณาตามหลักการ และวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบด้าน
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยชื่อของแพทย์ที่มีการลงมติ ศ.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบันหลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คนที่ลงนาม ต้องการให้แพทยสภายึดมั่น และยืนหยัดในความถูกต้องและรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ยืนยันว่า เป็นสิ่งที่กรรมการทุกท่านได้ตระหนัก และตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว และมองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แรงกดดันแต่เป็นกำลังใจ เพราะเป็นสิ่งที่เราอยากทำและชอบด้วยการกระทำ
“แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างพยายามจะทำให้คณะกรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและขัดกับจรรยาบรรณวิชาชีพ คือทำให้เราทำในสิ่งที่ไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดันหรือในบางกรณีอาจจะเรียกว่าเป็นการข่มขู่ด้วยซ้ำ”
— ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ศ.นพ.ประสิทธิ์ ยังใช้โอกาสในการขอบพระคุณแพทย์ และคนไทยทั้งหลายที่แสดงออกชัดเจนว่า อยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องและรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ณ วันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้วก็ขอให้สิ่งเหล่านี้ส่งกลับไปยังทุกท่าน ว่าสิ่งที่ท่านให้กำลังใจมาส่งผลแล้ว

ส่วนรายชื่อแพทย์ที่ถูกลงโทษอย่างเป็นทางการและโทษของแต่ละคนสามารถจะเปิดเผยได้หรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า วันนี้อยากแถลงในภาพรวม เพราะส่วนตัวมองว่าการแจ้งชื่อออกไปวันนี้ไม่ได้มีความเหมาะสม แต่ยืนยันว่ากระบวนการชัดเจนอยู่แล้วว่าใครถูกลงโทษเท่าไหร่ ซึ่งก็จะดำเนินการตามนั้นและขอให้รอออกคำสั่งเรียบร้อยก่อน
ส่วนหลังจากนี้หากผู้ที่ถูกลงโทษไปร้องต่อศาลปกครองกระบวนการจะเป็นอย่างไรต่อไป ศ.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการของศาลปกครอง แต่ในส่วนของแพทยสภาก็จะเดินตามกระบวนการของตุลาการเข้าไปชี้แจง ซึ่งเป็นไปตามธรรมาภิบาลของประเทศนี้หากเห็นว่าไม่ถูกก็สามารถไปร้องได้หน้าที่ของเราก็แค่ไปอธิบายให้ศาลได้รับทราบ
ขณะเดียวกัน ศ.นพ.ประสิทธิ์ ยังระบุว่า แพทยสภาจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมนอกจากสามแพทย์ที่ได้รับการลงโทษในวันนี้ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับกระบวนการอีกหรือไม่
ส่วนที่สมศักดิ์ออกมาระบุว่าคำวินิจฉัยในวันนี้จะ เป็นการสร้างมาตรฐานให้กับแพทย์รุ่นใหม่ และอาจจะกลัวในการทำหน้าที่ของตนเอง ศ.นพ.ประสิทธิ์ ยืนยันว่า
“ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่หรือแพทย์รุ่นเดิมเราได้รับการสั่งสอนมาเหมือนกันเราเข้าใจ จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพและความถูกต้องในบทบาทหน้าที่เหมือนกันแต่ขอย้ำว่า ณ วันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสอนเชื่อว่าแพทย์ทั้งหลายที่เรียนอยู่ก็ได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาต่อไปว่าบทบาทของแพทย์มีมากมายไม่ใช่รักษาคนไข้เพียงอย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา”
— ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว