ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่ 3 โดยมี ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม
โดยในคิวของ ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายงบประมาณกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 2.65 หมื่นล้านบาท ว่า เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความเหลื่อมล้ำ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการกระจายอำนาจและการพัฒนาท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มักทุ่มงบส่วนนี้ให้กับหัวเมืองใหญ่ก่อน เป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างชนชั้น
เวิลด์แบงก์เปิดเผยว่าประมาณ 70% ของค่าใช้จ่ายรัฐบาลถูกใช้ในพื้นที่ กทม. ทำให้เกิดช่องว่างการพัฒนาของหัวเมืองและชนบทกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และเกิน 50% ของจังหวัดในประเทศไทยพัฒนาต่ำกว่าศักยภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนและจังหวัดชายแดนใต้ หมายความว่าพื้นที่ในต่างจังหวัดส่วนมากมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดี แต่รัฐไม่สนับสนุน
และดูเหมือนรัฐบาลที่นำโดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าใจปัญหานี้อย่างดี เพราะท่านได้แถลงนโยบายว่าจะทำให้ประเทศไทยทุกตารางนิ้วเป็นโอกาสของทุกคน แต่สุดท้ายเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีแววจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะมีการปล่อยให้งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดถูกจัดสรรแบบเดิม ไร้ประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
สุดท้ายโครงการจะจบที่การสร้างถนน ทำสะพาน ติดไฟส่องสว่าง เขื่อนป้องกันตลิ่ง รวมถึงเอาไว้เป็นพ็อกเก็ตมันนี่ปีละ 700 กว่าล้านบาท ติดประกระเป๋าผู้ว่าราชการจังหวัดเอาไว้จัดสรรกรณีจำเป็น
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการใช้งบฯ แบบนี้ เพราะผู้มีอำนาจใช้งบคือผู้ว่าฯ ที่แต่งตั้งโดยมหาดไทย ไม่ได้ยึดโยงประชาชน ไม่เข้าใจพื้นที่ มาไม่นานก็ไป การออกแบบงบประมาณแต่ละจังหวัดก็เป็นวิธีการที่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำประชาชน ใช้เกณฑ์จังหวัดใหญ่และรวยจึงจะได้งบประมาณเยอะกว่า ดิฉันเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่น้อยเกินไป ซึ่งการพัฒนาต้องจับมือโตไปด้วยกัน อย่าทิ้งใครไว้ข้างหลังแบบนี้ ดังนั้น หากนายกฯ ต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสประชาชน ควรต้องเริ่มจากการจัดสรรงบประมาณก้อนนี้ก่อน
ภคมน กล่าวด้วยว่า หากดูงบกลุ่มจังหวัด เช่น กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ได้แก่ กำแพงเพชร, พิจิตร, นครสวรรค์ และอุทัยธานี มีความล้ำหน้ากว่าใคร เพราะมีการทุ่มเงินไปกับการสร้างถนน สร้างอาคาร มากกว่าสร้างคน ขณะที่พื้นที่ชายแดนใต้เป็นพื้นที่เหลื่อมล้ำลำดับต้น ๆ เห็นได้จากงบกลุ่มจังหวัด 1,205 ล้านบาท ถูกใช้สำหรับการก่อสร้างและฝึกอบรม แต่ไม่ได้มีโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาแม้แต่นิดเดียว
ท่านไม่เจียดมาเลย ถือว่าใจดำ หรือในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่าง บึงกาฬ, หนองบัวลำภู และอำนาจเจริญ ขาดแคลนแพทย์ แต่ไม่มีโครงการที่เกี่ยวกับการเข้าถึงสาธารณสุขเลย แต่ใช้กับการทำถนน, สร้างสะพาน
งบฯ ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ตั้งงบฯ กลุ่มจังหวัด 1,278 ล้านบาท โดยระบุว่าสำหรับโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว แต่พบว่า งบฯ ส่วนมากเอาไปสร้างถนน ทำสะพาน และไฟส่องสว่าง นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ใช้สำหรับทำถนนจริง ๆ อีก 3,800 ล้านบาท ทำให้ในงบประมาณปี 69 ในส่วนของงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จะมีการก่อสร้างในพื้นที่ภาคใต้ถึง 5,000 ล้านบาท
ภคมน กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจทางการเมือง การทำภารกิจซ้ำซ้อน ขาดความพร้อมในการทำโครงการ วันนี้การพัฒนาที่ท่านคิดเป็นมีแต่การสร้าง ท่านสร้างทุกอย่าง เหลือสร้างเดียวที่ท่านไม่ทำคือ ‘สร้างสรรค์’
ท่านไม่เคยสร้างสรรค์งบประมาณที่ประชาชนรอคอยอะไรเลย ดิฉันจึงเสนอให้ใช้งบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอย่างสร้างสรรค์ ตอบโจทย์พื้นที่มากกว่านี้ ต้องคำนึงถึงการพัฒนาระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข ขนส่งสาธารณะ และเครื่องจักรการเกษตร
ท่านต้องลงไปพูดคุยกับประชาชน อย่าคิดเอง ต้องจัดสรรงบโดยคำนึงถึงการพัฒนาจังหวัด ไม่ใช่จัดสรรเป็นเค้กของกลุ่มอำนาจ และอยากเห็นงบถูกบริหารโดยท้องถิ่นจริง ๆ ไม่ใช่ขอผ่านผู้ว่าฯ ดิฉันอยากเห็นการถ่ายโอนงบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองที่มีความเชื่อมโยงประชาชนมากกว่า เพราะการจัดสรรงบแบบเดิมเป็นการปิดกั้นการกระจายอำนาจ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการใช้จ่ายแบบนี้คือประชาชน เป็นการจัดสรรงบที่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง