นักเศรษฐศาสตร์กัมพูชาชมรัฐบาลที่นำเรื่องขัดแย้งไทยขึ้นศาลโลก เชื่อเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวกัมพูชาไม่กระทบ

5 มิ.ย. 2568 - 04:42

  • ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาเตือนในที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนว่า “หากปัญหาเรื่องพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยไม่ได้รับการแก้ไขผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอาจนำไปสู่สถานการณ์เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ซึ่งดูเหมือนว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์จะติดอยู่ในความขัดแย้งที่ไม่รู้จบ”

  • นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวชื่นชมการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการพยายามยุติข้อพิพาทชายแดนกับไทยผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเฉพาะพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตากกระบี

นักเศรษฐศาสตร์กัมพูชาชมรัฐบาลที่นำเรื่องขัดแย้งไทยขึ้นศาลโลก เชื่อเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวกัมพูชาไม่กระทบ

นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวชื่นชมการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการพยายามยุติข้อพิพาทชายแดนกับไทยผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเฉพาะพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตาควาย

 

ผู้ที่เกี่ยวข้องเชื่อว่าการตัดสินใจของรัฐบาลจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งระหว่างทั้งสองประเทศ 

 

ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาเตือนในที่ประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐสภาและวุฒิสภาในช่วงเช้าของวันที่ 2 มิถุนายนว่า “หากปัญหาเรื่องพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยไม่ได้รับการแก้ไขผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอาจนำไปสู่สถานการณ์เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ซึ่งดูเหมือนว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์จะติดอยู่ในความขัดแย้งที่ไม่รู้จบ” 

 

ฮุนเซนเผยว่า “บันทึกข้อตกลงปี 2000 ที่ทั้งสองประเทศเคยลงนามร่วมกันนั้น ‘ไม่มีความหมายอีกต่อไป’ เนื่องจากไม่มีข้อยุติใดๆ เลยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ไหนจะยังมีเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งล่าสุดอีก”   

 

“หากเราไม่ปล่อยให้ศาลตัดสิน เรื่องนี้ก็จะเหมือนกับปาเลสไตน์กับอิสราเอลที่ไม่มีวันจบสิ้น มีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง...ทำไมต้องกลัวการขึ้นศาล ถ้าเราจริงใจ” ฮุนเซนถาม 

 

ตามข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่า 4,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.39 ล้านล้านบาท) ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 15.5% จาก 3,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 แสนล้านบาท) ในปีก่อนหน้า การส่งออกของกัมพูชาไปยังไทยมีมูลค่า 844.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.7 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.3% ในขณะที่การนำเข้าของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18.9% ส่งผลให้กัมพูชาขาดดุลการค้าประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.46 หมื่นล้านบาท) เมื่อเทียบกับ 2,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.77 หมื่นล้านบาท) ในปี 2023 

 

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 การค้าทวิภาคีมีมูลค่า 1.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.85 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 การส่งออกมายังประเทศไทยมีมูลค่า 327.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ลดลง 2.9% ขณะที่การนำเข้าของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.8 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9.4% 

 

ลอร์ วิเชต์ รองประธานสมาคมการค้าจีนในกัมพูชา (CCCA) กล่าวเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนว่า “แม้จะมีการปะทะกันสั้นๆ ระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศยังไม่ถึงขั้นวิกฤต และยังไม่มีการประกาศคว่ำบาตรสินค้าของทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ การแก้ปัญหาโดยเร็วผ่านกลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยลดผลกระทบต่อการค้าได้” 

 

“เนื่องจากไม่มีประเทศใดประกาศคว่ำบาตรสินค้าของอีกฝ่าย จึงยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงการลดลงของการค้าระหว่างสองประเทศ อีกทั้งการปะทะกันที่ชายแดนเมื่อเร็วๆ นี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ตราบใดที่รัฐบาลทั้งสองยังคงมุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้ข้อพิพาทเรื่องพรมแดนลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งทางการทูตหรือการค้า ความขัดแย้งก็จะไม่ลุกลามไปสู่พื้นที่อื่นๆ” 

 

“กฎหมายการลงทุนของกัมพูชามีความเอื้ออำนวยและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนต่างชาติ รวมถึงจากราชอาณาจักรเพื่อนบ้าน จะยังคงมองว่ากัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่มีกำไร...ข้อได้เปรียบด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งที่สุดประการหนึ่งของกัมพูชา ซึ่งประเทศอื่นๆ ไม่มีก็คือ นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้ 100% และนำกำไรทั้งหมดกลับประเทศได้” 

 

“ตราบใดที่กัมพูชายังคงรักษาเสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค แรงงานหนุ่มสาวที่มีความสามารถ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดพระสีหนุ ท่าอากาศยานนานาชาติ และกฎหมายการลงทุนที่น่าดึงดูดใจ ผมยังคงมองโลกในแง่ดีว่ากัมพูชาจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับการลงทุนจากทุกภาคส่วนจากนักลงทุนทุกสัญชาติ” วิเชต์ กล่าว 

 

คิม ฮัวร์ต ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพระตะบอง ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทย เคยกล่าวไว้ว่า “สินค้าส่งออกของกัมพูชาส่วนใหญ่ไปยังไทยเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด มะม่วง พริกไทย และถั่ว ส่วนสินค้านำเข้าจากไทย ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกลการเกษตร อาหาร เครื่องเทศ เครื่องดื่ม และผลไม้” 

 

เคียฟ ธี ประธานสมาคมไกด์นำเที่ยวเขมร-อังกอร์ (KATGA) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่เปราะบางที่สุดเมื่อเกิดความขัดแย้งด้วยอาวุธ” เขาต้องการจะเห็นกัมพูชาคงเสถียรภาพทางการเมืองและพัฒนาต่อไปในทุกภาคส่วน เนื่องจากประเทศนี้มีศักยภาพอย่างมากในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

 

“การตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาที่จะใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากกัมพูชามีเอกสารที่ถูกต้องและใช้แผนที่ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยทั่วไปแล้ว ที่ไหนมีสงคราม ก็จะไม่มีนักท่องเที่ยว”  

 

ตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยว กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคนในปี 2024 เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด โดยมีเกือบ 2.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.9% ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.84 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 ในจำนวนนี้ 500,000 คนเป็นชาวไทย เพิ่มขึ้น 19.5% 

 

(Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์