'รังสิมันต์' เตือนประมาทไม่ได้ ‘กัมพูชา’ ยื่นฟ้อง ‘ศาลโลก

12 มิ.ย. 2568 - 08:27

  • 'รังสิมันต์' เตือนประมาทไม่ได้ ‘กัมพูชา’ ยื่นฟ้อง ‘ศาลโลก’ เหตุเตรียมตัวมานานแล้ว เล็งเชิญ 'ก.ต่างประเทศ' เข้าแจง ‘กมธ.มั่นคงฯ’

  • รับไม่รู้ถก JBC จบอย่างไร แนะ 2 ฝ่ายควรใช้กลไก ‘ทวิภาคี’ เพิ่มมิติการปราบแก๊งคอลฯ เพิ่มแต้มต่อให้ฝ่ายไทย

  • 'บิ๊กเล็ก' อารมณ์ดีไม่เครียด หลังเข้าแจง

'รังสิมันต์' เตือนประมาทไม่ได้ ‘กัมพูชา’ ยื่นฟ้อง ‘ศาลโลก

‘รังสิมันต์ โรม’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป แถลงภายหลังการประชุมกมธ.ฯว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆในทุกมิติ รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ในหลายทาง ซึ่งทางกมธ.เห็นพ้องต้องกันใน ยุทธศาสตร์และการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ทางกมธ.ได้ให้คำแนะนำกับทางรัฐมนตรีว่า รัฐบาลสมควรที่จะเพิ่มมิติที่เกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย อีกส่วนหนึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา อีกทั้งเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้ฝั่งไทย 

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องศาลโลก แน่นอนว่า กัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การ ใช้กลไกศาลโลกแน่นอน

ทางกมธ.ได้เสนอแนะว่ามีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ไม่สามารถประมาทได้ หลังจากมีประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารเราเองก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้ เราทราบว่ากัมพูชามีการเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลานานแล้วในเรื่องของการเตรียมการขึ้นสู่ศาลโลก ทางประเทศไทยต้องเตรียมทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญไปจนถึง กลไกที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ เราเชื่อว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์เพื่อเรื่องศาลโลกอย่างแน่นอนไทยต้องมีการเตรียมทั้งตั้งรับและเชิงรุก 

อีกเรื่องที่สำคัญคือ ‘หลุมหลบภัย’ หรือบังเกอร์ต้อง ยอมรับว่ากัมพูชามีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีศักยภาพในยิงระยะไกลกว่าเดิม แม้เราจะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย แต่การเตรียมการของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ ทางกมธ.ได้ให้คำแนะนำว่า นายกรัฐมนตรีมีงบกลางในการที่จะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน ในการที่จะต้องเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอกับความต้องการ และก็ให้สามารถที่จะตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว 

“เราไม่รู้ว่าวันที่ 14 มิ.ย. จะจบอย่างไร แต่ว่าสิ่งที่เราเริ่มเตรียมการได้คือการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยของเราปลอดภัยที่สุด เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของหลุมหลบภัย แล้วในเรื่องของงบประมาณ ไม่ต้องไปบอกให้หน่วยงานไหนทำอะไรเอานายกรัฐมนตรีเลย ท่านต้องสั่งการในเรื่องนี้“

รังสิมันต์ กล่าว 

เมื่อถามถึงความเป็นไปว่า การประชุม JBC จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้ง อย่าง ปราสาททั้ง 3 และอีกหนึ่งพื้นที่ ที่ทางกัมพูชาพยายามบอกว่า เป็นพื้นที่ของเขา เช่น บริเวณช่องบก มาพูดคุย ตามที่กัมพูชายืนยัน อย่างไรเราก็ต้องคุย ไม่เช่นนั้น ก็จะหาทางออกไม่ได้ และต้องยืนยันด้วยว่า ถ้าเราดูจากเอ็มโอยู 43 ก็มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ โดยเราต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายไทยเท่านั้น เพราะคือเครื่องมือ ที่จะลดความขัดแย้งได้จริง ส่วนการไปสู่ศาลโลก หรือกรณีใดก็แล้วแต่นั้น สุดท้ายเรามีบทเรียนแล้ว ในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหารว่า ไม่ได้จบจริง มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องใช้กลไกทวิภาคี อีกทั้ง เราควรที่จะมองหา ในเรื่องของการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคี ก็จะทำให้สุดท้ายแล้ว กัมพูชาจะยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะในเรื่องมิติเศรษฐกิจเอง เพราะเราต้องไม่ลืมว่า กลไกอย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้น สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลกจริงๆ และเม็ดเงินที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่า กัมพูชาปล่อยให้มีการตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปฏิเสธการไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะแม้ในวันที่ตั้งอาจจะไม่รู้ แต่เมื่อตอนนี้รู้แล้วและก็มีหลายจุด จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร  

ดังนั้น จึงมีหลายหลายมิติที่คิดว่า ประเทศไทยสามารถที่จะหยิบยกไปพูดคุย ไม่จำเป็นต้องพูดคุยแค่เฉพาะ ในเรื่องของ 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ซับซ้อนเท่านั้น ยังมีอีกหลายจุด เพื่อนำไปสู่การทำให้ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธ หรือลดโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า  ทางฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังค่อนข้างมาก ส่วนในมิติการพูดคุย วันนี้เราก็ต้องชื่นชม โดยเฉพาะ ‘พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์' รองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจาจนกัมพูชายอมถอย และเป็นส่วนสำคัญในการพูดคุย เพื่อทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงลดลงไป แต่หากถามว่า ลดลงไปทั้งหมดหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีงานที่เราต้องทำอีกเยอะ  

ในการที่จะลดความร้อนแรง ไม่ใช่แค่ลดในเรื่องของเงื่อนไขทางทหาร เพราะไม่ใช่ทุกอย่าง อาจจะเป็นหนึ่งในกลไกที่กัมพูชามองว่า มีส่วนที่เขาอาจจะได้เปรียบบางอย่าง ไม่ใช่ความหมาย คือการแพ้ชนะ แต่รวมไปถึงการใช้กลไกอย่างศาลด้วย สิ่งสำคัญคือ กัมพูชาต้องการที่จะยกระดับไปสู่ศาลโลก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งที่ไทยต้อง คือทำให้กลายเป็นการพูดคุยกับทวิภาคี ต้องมีการวางไพ่ในแต่ละใบ วันนี้เราก็คงต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะการทำงานของผู้ปฏิบัติหน้างาน รวมถึงฝ่ายนโยบาย ที่จะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ทางกมธ. จะมีการหารือเพื่อเตรียมการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาลโลก รวมถึงจะมีการติดตามเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และจะเชิญทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย  

อารมณ์ดีไม่เครียด หลังเข้าแจง 'กมธ.มั่งคงฯ' ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

‘พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการเข้าให้ข้อมูลเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กว่า 3 ชั่วโมง ว่า ข้อมูลที่หน่วยงานความมั่นคงชี้แจงต่อ กมธ.ฯนั้น ‘รังสิมันต์ โรม’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกมธ. จะเป็นผู้แถลงชี้แจงเอง ซึ่งการให้ข้อมูลครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้วไม่มีครั้งต่อไป โดยในส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ยังมีการนัดประชุมเรื่องนี้ 

ส่วนความต้องการของกัมพูชา สืบเนื่องจากข้อพิพาทครั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ให้รังสิมันต์เป็นผู้ชี้แจงในภาพรวม  เมื่อถามถึงมาตรการเปิดปิดด่านหรือมาตรการอื่นที่เกิดขึ้น พล.อ.ณัฐพล ที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่ตอบคำถามนี้ แต่กล่าวว่าไปเข้าห้องน้ำที่ทำงานเถอะ 

เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์ในการเจรจา JBC  พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่วันนี้ไม่มีผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศเข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯ กระทรวงกลาโหมขอไม่กล่าวถึงในส่วนที่ไม่ได้รับผิดชอบ 

ส่วนกองทัพได้วางมาตรการกรณีที่การเจรจาอาจไม่เป็นผลไว้อย่างไร รมช.กลาโหม กล่าวว่า เดี๋ยวรอฟังจากสมช.เพราะที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตาม สมช.มาตลอด เมื่อถามว่าระหว่างนี้ในส่วนท่าทีไทย ในวันที่ 14 มิ.ย.จะต้องนิ่งมากกว่าเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล พยักหน้า และตอบว่าใช่  

ทั้งนี้ ผู้สื่อขาวพยายามที่จะถามถึงปัญหาในพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) พล.อ.ณัฐพล ที่กำลังจะเข้าลิฟท์กล่าวเพียงว่าลิฟท์เต็ม ก่อนที่จะเดินเข้าลิฟท์ไปแล้วเดินทางกลับไปยังกระทรวงกลาโหม ขณะที่ ‘พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์’ รองแม่ทัพภาค 2 กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯ ว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC  ไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 - 28 มิ.ย.นี้ ยังคงเดินหน้าพูดคุยกันตามกำหนดการเดิม 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์