รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ท่ามกลางกระแสข่าว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน คดีชั้น 14 วันที่ 13 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ และการที่ทักษิณจะมีการขึ้นกล่าวปาฐกถาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) วันนี้ว่า เรื่องนี้คงต้องแยกกัน
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการปาฐกถาของทักษิณ ที่ ป.ป.ส.นั้น จริงๆ แล้วบทบาทนี้ ควรจะเป็นของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ในวันนี้ปัญหายาเสพติดหนัก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเถียงได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราเองอยากเห็นว่า นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดนี้ แพทองธารมีความคิดอย่างไร ดังนั้น การที่อยู่ๆ ทักษิณได้รับเชิญ ไม่ว่าจะจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือใคร แต่ทำไมเราถึงไม่ค่อยเห็นแพทองธารแสดงความคิดเห็น หรือมีการแสดงออกซึ่งวิสัยทัศน์เช่นนี้เลย เวทีนี้ควรจะให้แพทองธารแสดงออกหรือไม่
รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากการที่จะให้ทักษิณมาพูดให้ประชาชนฟัง โดยหยิบยกสงครามยาเสพติด ที่เคยทำตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นั่นไม่ใช่โมเดลที่ดี เพราะเราเห็นแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับอดีตประธานาธิบดีของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยถูกออกหมายจับ และปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ จึงมองว่า การที่ทักษิณจะมาโชว์วิจัยทัศน์นั้น จึงไม่แน่ใจว่า หากนำเรื่องการฆ่าคนจำนวนมากในยุคสงครามยาเสพติด คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีแน่ๆ ในวันที่แพทองธาร ซึ่งเป็นบุตรสาวของทักษิณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว หากให้โอกาสนี้เป็นแพทองธารได้แสดงวิสัยทัศน์ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชน และแพทองธารที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเอง เพราะการที่บิดายังคงทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นเหมือนที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการด้อยค่าแพทองธาร ทำให้แพทองธารไม่อยู่ในสภาวะที่ประชาชนคิดว่า นี่คือนายกรัฐมนตรีของเขาหรือไม่ จึงคิดว่า ทักษิณควรหัดปล่อยมือบ้าง หัดปล่อยให้ลูกสาวตัวเองขึ้นมาพิสูจนฝีมือบ้าง ไม่ใช่ทำนู่นทำนี่แทนลูกสาว ราวกับว่าลูกสาวเป็นนอมินีของตัวเอง
เมื่อถามถึงข้ออ้างที่ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ จึงไม่สามารถมาปาฐกถาเรื่องนี้ได้ รังสิมันต์ ร้องโอ๊ย ก่อนกล่าวว่า ก่อนจะจัดงานก็คุยกันได้ว่า วันไหนว่าง เรื่องติดภารกิจไม่ได้เป็นสาระสำคัญ หากแพทองธารต้องการไปแสดงวิสัยทัศน์ ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่คุยกันได้ แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องแรก เราอยากรู้ว่า ตกลงแล้ว แพทองธารมีความคิด แนวทาง วิสัยทัศน์ ในการทำเรื่องต่าง ๆ อย่างไร เพราะวันนี้เราแทบจะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยินเลย เรามารู้จากปากทักษิณ ซึ่งก็มักจะเริ่มว่า แพทองธาร เล่าให้ฟัง หรือมีโอกาสคุยกับแพทองธาร แต่เราไม่เคยได้ยินจากปากนายกรัฐมนตรีเลย
“นายกรัฐมนตรีเป็นอะไร ทำไมเรื่องที่คุยกับพ่อ ไม่มาพูดให้ประชาชนฟังบ้าง มองว่า เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด อาจเป็นแค่วิธีการที่ทักษิณใช้แบบนี้ เพื่อที่หลบเลี่ยงไม่ให้ใครไปดำเนินการตามกฎหมายว่า ทักษิณครอบงำแพทองธาร แต่ก็เป็นเรื่องที่เรารู้กันดีว่า แพทองธาร ไม่ได้มีวิสัยทัศน์เลย ในการบริหารประเทศ และเรื่องยาเสพติด ที่เป็นเรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ จึงหวังว่า เราคงไม่ได้ไปใช้แนวทาง ในการฆ่าคนจำนวนมากอย่างที่เคยทำมาในอดีตอีกแล้ว ควรเปิดโอกาสให้รุ่นลูก หรือแพทองธารออกจากใต้เงาของบิดาตัวเอง เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ให้สังคมได้เห็นดีกว่าหรือไม่”
— รังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า อยากฝากไปถึงทุกคนว่า ต้นตอของยาเสพติดมาจากกลุ่มว้า ซึ่งไม่ได้มีแค่ปัญหายาเสพติด แต่ยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆ อีก รวมถึงกรณีปล่อยให้ทุนจีนเทาเข้าไปทำเหมือง จนส่งผลต่อแม่น้ำกก ตลอดจนเมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ก็มีสาเหตุมาจากตรงนี้เช่นเดียวกัน เพราะว้าเป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ โดยไม่มีใครเข้าไปจับกุม หรือดำเนินการ เรารู้ว่ากลุ่มว้านี้ ไม่ต่างอะไรกับอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้าย และนี่คือโอกาสที่แพทองธารจะได้แสดงภาวะผู้นำในการปราบปราม และจัดการกับกลุ่มนี้ แม้กระทั่งการเดินทางไปประชุมอาเซียน ก็ควรเป็นวาระสำคัญ หารือทวิภาคี เพื่อจัดการ ขอแรงสนับสนุน ในการจัดการกับกลุ่มเหล่านี้ด้วย ยังมีหลายเวทีหลายโอกาสที่แพทองธารจะได้แสดงวิสัยทัศน์ จึงไม่อยากให้พ.ต.อ.ทวีไปด้อยค่า หรือไปอ้างเหตุต่างๆ จนสุดท้าย แพทองธารไม่เหลือพื้นที่ในการแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนเห็นเลย การทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีคืออะไร ทำไมถึงมีพื้นที่ให้ทักษิณ แต่ไม่มีพื้นที่ให้นายกรัฐมนตรี มองว่า มันประหลาด
เมื่อถามถึงกรณีที่ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ชมทักษิณกลางเวทีอาเซียนนั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า ในเวทีระหว่างประเทศ เขาไม่ด่ากันตรงๆ อยู่แล้ว ก็ต้องชมกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทักษิณก็เป็นที่ปรึกษาของอันวาร์ มีการชมกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นสารัตถะอะไร ที่เราจะควรนำมาใส่ใจ เพราะมองว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ ต้องการมากที่สุด คือคำชมและความเชื่อมั่นจากประชาชน เพราะวันนี้เราเจอภัยหลายรูปแบบ และประเทศไทยก็เจอความท้าทายในหลากหลายมิติ สิ่งที่เราต้องการเห็นคือ เมื่อไหร่รัฐบาลนี้ จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ คุยกันให้ชัด เอาวันเวลาที่มีความคืบหน้ามาแสดงให้ประชาชนเห็นเลย จะแฟร์มากกว่า
ส่วนกรณีคดีจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผลคำตัดสินคดีชั้น 14 ของทักษิณ รังสิมันต์ กล่าวว่า หากจะให้ประเมินถึงแนวโน้ม ก็ต้องยอมรับว่า มีแนวโน้มแย่ ถ้าจะพูดให้ชัดคือ แม้แต่ข้าราชการจำนวนมาก ที่มาเล่าให้ฟัง เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไปที่ตั้งคำถาม หรือกังวลว่า รัฐบาลนี้จะมีความไม่แน่นอน หรือขาดเสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้น เพราะข้าราชการ หรือคนทำงานเอง ก็รู้สึกแบบเดียวกัน เนื่องจากสุดท้าย เรื่องเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว วันนี้เริ่มทำให้รัฐบาลนี้ เจอกับแรงกดดันในหลายรูปแบบ และบางเรื่องก็ต้องยอมรับว่า อาจจะเป็นนิติสงคราม ที่เกิดขึ้นโดยหนึ่งในปัจจัยนั้น คือการรัฐประหารปี 57 ขณะที่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ท่านทำตัวเอง เช่น กรณี ชั้น 14 ดังนั้น ต้องยอมรับว่า ทั้งเรื่องที่ทำตัวเอง และเรื่องที่อาจไม่ได้รับความยุติธรรม มันกำลังประดังเข้ามาในรัฐบาลนี้ คิดว่า ดูแล้วก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่า การเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มองคล้ายกับหลายคนว่า การเมืองวันนี้ขาดความแน่นอน และการที่จะบรรลุนโยบายต่างๆ เป็นไปได้ยาก
ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวาระแรก ที่หลายคนมองว่า อาจจะนำไปสู่การยุบสภา มองว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ได้มองไปถึงว่า รัฐบาลจะยุบสภาโดยใช้เหตุผลเรื่องงบประมาณ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น คือสนิมกินรัฐบาลอย่างหนัก เป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลนี้บริหารไม่มีประสิทธิภาพทางนโยบาย และการบริหารงานภายใน ทำให้การที่รัฐบาลจะดำรงชีพต่อไปก็ยากขึ้นทุกที การมีทักษิณในประเทศไทยไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุผลอะไร ก็เกิดขึ้นได้หมด
รังสิมันต์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่ต้องจับตามองของรัฐบาล ที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดปัญหามากยิ่งขึ้น คือเรื่องกาสิโน เนื่องจากในเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อเปิดสมัยประชุมมา จะเช็คบิลเป็นวาระแรก เพราะในช่วงที่มีการปิดสมัยประชุมสภา รัฐบาลไม่ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น ไม่มีการทำให้โปร่งใส หรือการจัดการปัญหาทุนสีเทา ยกตัวอย่าง กรณีออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จะมีการรับประกันหรือไม่ ว่าจะไม่เกิดกรณีนี้อีก หากฝีไม่แตก ถ้าไม่รู้ว่าเรามีอาการป่วยอะไร ดังนั้น ปัญหาที่รัฐบาลกำลังเจอเยอะมาก โดยที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการได้ หากรัฐบาลต้องผลักดันเรื่องกาสิโน ก็อาจทำให้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศ อยู่ในอาการที่เลวร้ายลงไปอีก ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า ไม่เห็นหรือว่าเรากำลังเจอกับปัญหาเรื่องอื่นๆ แต่ทำไมรัฐบาลต้องการผลักดันกาสิโน อยากให้ประเทศมีเงินเข้ากระเป๋ามากขึ้น หรืออยากให้ใครบางคนในรัฐบาลมีเงินเข้ากระเป๋า เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในรอบต่อไป
รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ความเลวร้ายที่หมายถึงนั้น คงไม่อาจคาดคะเนไปถึงจุดของการให้มวลชนออกมา เพราะในสถานการณ์นี้ สิ่งที่ดีที่สุด คือรัฐบาลควรฟังเสียงของสังคมและประชาชน เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่พรรคร่วมรัฐบาลทำกันเป็นสัญญาณออกมาเป็นระยะว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ บางครั้งอย่ามองแค่ว่า การยกมือโหวตในสภาแล้วจบ หากใครที่ไม่มีความชอบธรรมในเชิงเนื้อหาหรือคุณภาพ ก็ทำให้ประชาชนไม่เห็นด้วยในสิ่งที่รัฐบาลทำ หากประชาชนไม่เห็นด้วยมากๆ ก็จะเกิดวิกฤติศรัทธา จะผลักดันอะไรก็ยากขึ้น ทำให้โอกาสที่รัฐบาลสำเร็จ เป็นไปไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีปรากฏภาพระหว่าง จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กอดกัน จะเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองหรือไม่ รังสิมันต์ ขอไม่คาดเดา เพราะจะยิ่งทำให้การไปประเมินเลวร้ายลง เราคือฝ่ายค้านไม่ได้เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลในหลายเรื่อง แต่เราอยากเห็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ และมองว่าการเมืองที่มีเสถียรภาพมันดีกับประชาชน ควรใช้กลไกที่เป็นปกติ อยากเห็นรัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน แต่ไม่อยากคาดคะเนว่า อะไรจะเกิดขึ้น