‘สว.พันธุ์ใหม่’ แจงยิบ! ญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ

30 พ.ค. 2568 - 05:55

  • ‘สว.พันธุ์ใหม่’ แจงยิบ! ญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ

  • ‘นันทนา’ หวั่นเลือกคนเข้ามาตรวจสอบคดีตนเอง ทำงานต่างตอบแทน

  • เตือนหากฝืนไปต่อ ระวังเจอประชาชนยื่นสอบจริยธรรม

‘สว.พันธุ์ใหม่’ แจงยิบ! ญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ

ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมี มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอให้ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จนกว่าจะมีคำตัดสินในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง


โดยญัตติดังกล่าว ได้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนวาระเดิมที่จะมีการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ และให้ความเห็นชอบตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าว


เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะผู้เสนอญัตติ อภิปรายถึงเหตุผลของการเสนอญัตติ ว่า ขอยืนยันหลักการทับซ้อนแห่งผลประโยชน์ เพราะ สว.จำนวนมากกำลังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ทั้งโดย กกต. หรือกระทั่ง ป.ป.ช. แม้จะยังมีสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ซึ่งญัตติดังกล่าวยังเกิดจากสิ่งที่ สว.หลายคนกรุยทางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบบทบาทของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่มาแทรกแซงกระบวนการได้มาซึ่ง สว.


รวมถึงเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา มี สว. 13 คน ลาออกจากกรรมาธิการสอบประวัติฯ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช. เพื่อเป็นการป้องกันประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่กับประเด็นการร้องทุกข์กล่าวโทษที่ได้ร้องไว้และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.


เมื่อ สว. คำนึงถึงปัญหาการแทรกแซงกระบวนการและปัญหาการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ในวันนี้ที่ สว. กำลังจะใช้สถานะผู้ให้ความเห็นชอบใน 3 องค์กรอิสระ ซึ่ง สว.จำนวนมากกำลังตกเป็นคู่กรณี ทั้งในฐานะผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องก็ตาม ดังนั้น จึงหนีไม่พ้นที่จะมองว่า เรื่องที่ดำเนินการอยู่นี้ผิดหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์

เทวฤทธิ์ มณีฉาย

พร้อมเรียกร้องว่า ไม่ควรปล่อยให้ สว.ทั้ง 13 คน ซึ่งได้ลาออกจากกรรมาธิการฯ ต้องเดินตามหลักการอย่างโดดเดี่ยว เพราะพวกเขานำทางไว้ให้แล้ว ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะเกิดสุญญากาศหากไม่มีคนเข้าไปทำงานในองค์กรอิสระต่าง ๆ นั้น ขอย้ำว่า เราไม่ได้ชะลอตลอดไป เพียงแค่ในช่วงที่มีการตรวจสอบ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนก็น่าจะแล้วเสร็จ ระหว่างนั้นยังสามารถรักษาการในตำแหน่งได้ ก็ขอให้สมาชิกคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาระหว่างการเดินหน้าต่อหรือชะลอไปก่อน


ขณะที่ นันทนา นันทวโรภาส สว. ลุกขึ้นอภิปรายต่อญัตติดังกล่าว ว่า หากไม่บรรจุวาระการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. และวาระการตั้งกรรมาธิการสามัญพิจารณาคุณสมบัติองค์กรอิสระอย่างเร่งรีบในสมัยประชุมวิสามัญนี้ เราคงไม่ต้องพิจารณาญัตตินี้ในวันนี้ เมื่อมีการบรรจุญัตตินี้แล้วก็หวังว่าสมาชิกทุกคนจะเปิดใจกว้าง รับฟังเหตุผลและเสียงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ จนนำไปสู่การลงมติเห็นชอบให้มีการชะลอการลงมติใด ๆ เกี่ยวกับองค์กรอิสระออกไป


แต่คำถามสำคัญคือ ทำไม สว. ต้องชะลอการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือ สว. กว่าครึ่งของสภาฯ กำลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการเข้าสู่ตำแหน่งโดยมิชอบ โดย กกต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังตรวจสอบอยู่ แม้ตามหลักกฎหมายจะถือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถือว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย


หาก สว. ลงมติเห็นชอบ กกต. จะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เลือกคนเข้ามาตรวจสอบคดีของตนเองหรือไม่ อย่างนี้จะเรียกว่ามีธรรมาภิบาลหรือไม่ หรือเป็นเรื่องต่างตอบแทนกัน

นันทนา นันทวโรภาส

ส่วนกรณีที่ สว. จำนวน 92 คน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดกับ รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 จากนั้นก็มีกลุ่ม สว.สำรอง ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบจริยธรรมของ สว. 92 คน ข้อหาใช้อำนาจนิติบัญญัติก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ


เมื่อท่านเป็นผู้ถูกร้อง มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเป็นทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่ท่านจะยังใช้สถานะ สว. คัดเลือก ป.ป.ช. จำนวน 3 คน เพื่อเข้าไปวินิจฉัยคดีของท่านอีกหรือ จะเป็นธรรมต่อผู้ร้องและผู้ถูกร้องหรือไม่ หากท่านชนะคดีทั้งหมด คู่กรณีและประชาชนจะคิดอย่างไร

นันทนา นันทวโรภาส

นันทนา กล่าวอีกว่า ขณะที่กรณี สว. 92 คน ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตรวจสอบรองนายกรัฐมนตรี รวมถึง รมว.ยุติธรรม ในข้อหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ถอดถอนจากตำแหน่ง และขอให้ศาลฯ สั่ง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ ท่านเป็นผู้ร้อง แล้วมาเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 รายเข้าไปดำรงตำแหน่ง ในขณะที่ท่านเป็นโจทก์อยู่ จะเท่ากับว่าเป็นการเลือกผู้พิพากษามาตัดสินคดีของตนเองหรือไม่ จะเป็นธรรมต่อฝ่ายจำเลยหรือไม่


นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ สว. จำเป็นต้องชะลอการลงมติในการเลือกองค์กรอิสระและชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาคุณสมบัติออกไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะหากดึงดัน สังคมจะมองว่าท่านใช้สถานะ สว. เพื่อประโยชน์แห่งคดีของตนโดยแท้ ท่านอาจโต้แย้งเรื่องข้อกฎหมายว่า ไม่มีกฎหมายใดเปิดช่องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นบางส่วนได้ หรืออาจมีผู้ร้องว่า สว. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157

แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 93 ปีของประชาธิปไตยไทยที่ สว. ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเกินครึ่งสภาฯ ย่อมไม่มีกฎหมายไหนตามทัน เพราะเป็นเรื่องใหม่เพิ่งเกิดขึ้นในรุ่นนี้ เมื่อกฎหมายตามไม่ทันก็ต้องใช้จิตสำนึกและจริยธรรม


นันทนา กล่าวต่อไปว่า ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เสนอทางออกไว้ กฎหมายไม่ได้เขียนห้ามก็จริง แต่ประเด็นที่ละเอียดกว่ากฎหมาย สมควรทำหรือไม่ มันจะฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นที่คิดว่าไม่มีปัญหามันจะเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว เวลาตรวจสอบบุคคลที่ทำหน้าที่สำคัญต้องตรวจสอบทางจริยธรรมว่าเป็นแบบอย่างได้หรือไม่ เมื่อเราจะตรวจสอบเขา การตรวจสอบต้องมีมาตรฐานจริยธรรม

เพราะฉะนั้นเพื่อความรอบคอบควรเลื่อนภารกิจนี้ไปก่อน เพราะคนในองค์กรอิสระยังทำงานได้อยู่ ไม่ได้มีเหตุว่าถ้าไม่ผ่านภายในวันนี้ เดือนนี้จะเกิดสุญญากาศ


ทั้งหมดเป็นคำแนะนำของปรมาจารย์ด้านกฎหมาย ที่ชี้ทางให้ สว. ทั้งหลายชะลอการทำหน้าที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระออกไปก่อน เพื่อความสง่างามของการดำรงตำแหน่ง สว. และเพื่อไม่ให้การลงมติในวันนี้สร้างปัญหาต่อประเทศชาติและต่อตัวท่านเอง ทั้งนี้ สว. กลายเป็นเรื่องโด่งดังที่ประชาชนพากันจับตาว่า จุดจบของคดีนี้จะเป็นอย่างไร หากท่านทั้งหลายไม่ปิดหูปิดตาตนเอง ท่านย่อมทราบดีว่าขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกล่าวขานถึง สว. ชุดนี้อย่างไร เขาคลางแคลงใจต่อที่มาของ สว. ชุดนี้มากเพียงใด

นันทนา นันทวโรภาส

นันทนา กล่าวด้วยว่า ท่านทั้งหลายอาจฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนได้ ด้วยการแสดงให้เห็นว่าการดำรงตำแหน่ง สว. ของท่านไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์แห่งตนหรือพวกพ้อง ด้วยการชะลอลงมติใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เมื่อท่านบริสุทธิ์ก็จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่หากท่านยังดึงดันที่จะลงมติเลือกองค์กรอิสระต่อไป โปรดรู้ไว้ว่าการกระทำของท่านได้ฝืนความรู้สึกของประชาชน และประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศย่อมมีสิทธิ์ที่จะยื่นตรวจสอบจริยธรรมท่านที่ลงมติในวันนี้ด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์