‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าพบ ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์’ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ‘สมเด็จ ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กรณีสำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) เผยแพร่คลิปเสียงคล้าย ‘สมเด็จฮุนเซน’ ออกคำสั่งให้ไล่ล่าและสั่งเก็บผู้เห็นต่างทางการเมือง ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศไทย เช่น ‘พร พันนา’ และ ‘ลิม กินยา’

โดย ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ ระบุว่า แม้ทางการกัมพูชาอ้างว่าคลิปดังกล่าวถูกทำขึ้นมาจากเทคโนโลยี AI แต่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยียืนยันว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของสมเด็จฮุนเซนจริง ประกอบกับตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในประเทศไทย คือ ‘พร พันนา’ นักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชา ถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ที่ จ.ระยอง เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 61 ขณะที่ ‘ลิม กินยา’ อดีตฝ่ายค้านกัมพูชา ได้ถูกลอบยิงเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม ช่วงเดือน ม.ค. 68
ทั้ง 2 เหตุการณ์ ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ พยามชี้ให้เห็นสอดคล้องกับคลิปเสียงที่ปรากฎ และแม้ว่าเป็นการสั่งการนอกราชอาณาจักร แต่การกระทำผิดเกิดขึ้นในประเทศไทย จึงมองว่าการกระทำของสมเด็จฮุนเซนฯ และคนที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย หลายข้อหา เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ที่บัญญัติว่าผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ซึ่งมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ตำรวจจึงต้องทำงานร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ในการดำเนินการตรวจสอบ และออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนกรอบเวลาการทำงานของตำรวจ ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ ระบุว่า ไม่ขอกดดันเจ้าหน้าที่ เพราะมีหลายกระบวนการที่ต้องตรวจสอบ แต่ถ้าตำรวจนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการก็จะเข้าข่ายความผิด ม.157 ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีที่ ‘สมคิด เชื้อคง’ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง แจ้งความเอาผิดสมเด็จฮุนเซนฯ ต่อที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กรณีเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของ ‘นายกฯอิ๊งค์’ กับสมเด็จฮุนเซนฯ ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ มองว่าเป็นแจ้งความแก้เกี้ยว และไม่มีความหมายอะไร เชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังที่จะเอาผิดสมเด็จฮุนเซนฯ จริง
ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยและกัมพูชาจะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Extradition Treaty) แต่การนำตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทยยังคงเป็นเรื่องยาก หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทางในกระบวนการส่งตัว
