บล.ดาโอฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ นักลงทุนรอผลการพิจารณาคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีของศาลรัฐธรรมนูญ หากรับคำร้องอาจเกิดแรงขายจากความกังวลทางการเมือง แต่หากไม่รับคำร้อง คาดว่าดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (1 ก.ค. 2568) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงบ่าย เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องกรณีถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะสั้น
“หากศาลมีมติรับคำร้อง อาจมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น ส่งผลเชิงลบต่อตลาดทุน แต่หากไม่รับคำร้อง จะคลายแรงกดดัน และทำให้นักลงทุนบางส่วนกลับเข้ามาซื้อคืน” มงคลกล่าว
ขณะเดียวกันยังมีนัดสำคัญอีกประเด็น ได้แก่ การสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลอาญา ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนในระยะสั้น
หุ้นโลก–เศรษฐกิจจีนกดดัน Sentiment
ทางด้านตลาดต่างประเทศ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวทำ “นิวไฮ” ต่อเนื่อง แม้จะมีคำเตือนจากนักวิเคราะห์ถึงระดับราคาที่สูงเกินไป (Valuation) และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายน แทนที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมตามที่ตลาดเคยคาดไว้
เศรษฐกิจจีนยังเผชิญแรงกดดัน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตล่าสุดอยู่ที่ 49.7 จุด ต่ำกว่าเส้นแบ่งระดับ 50 จุดต่อเนื่อง สะท้อนภาคอุตสาหกรรมยังหดตัว ขณะเดียวกันยอดขายบ้านของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ลดลงกว่า 23% จากปีก่อน บ่งชี้ปัญหาเชิงโครงสร้างและความเสี่ยงเงินฝืดยังไม่จางหาย
การค้าระหว่างประเทศ–เจรจาไทย–สหรัฐฯ หนุนกลุ่มนิคม
สำหรับประเด็นการค้าระหว่างประเทศ นายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐฯ อาจประกาศความคืบหน้าของข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศหลังวันชาติสหรัฐฯ (4 ก.ค.) โดยรัฐบาลยังเน้นการผลักดันกฎหมายด้านภาษีและงบประมาณผ่านสภาคองเกรสเป็นลำดับแรก
ขณะที่ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 21.00 น. (ตามเวลาไทย) มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงในหลายประเด็น ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น WHA, AMATA และกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น BGRIM, GPSC
ค่าเงินดอลลาร์อ่อน–ทองคำ-คริปโตรับอานิสงส์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ 96.7 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังและผลกระทบจากมาตรการภาษี ขณะที่ตลาดยังคาดว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ซึ่งกดดันความน่าสนใจของดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สินทรัพย์ที่ได้อานิสงส์จากเงินดอลลาร์อ่อนค่า ได้แก่ ตลาดเกิดใหม่ (EM), ทองคำ และสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Currency)
น้ำมัน–โอเปกพลัสจ่อเพิ่มกำลังผลิต
OPEC+ เตรียมหารือเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 411,000 บาร์เรล/วัน โดยจะมีผลในเดือนสิงหาคม คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในสุดสัปดาห์นี้ โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่าสุดอยู่ที่ 66.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้จะเป็นข่าวลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTTEP แต่ผลกระทบคาดว่าจะไม่มากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว ขณะเดียวกันการเพิ่มกำลังผลิตจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบให้กับกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น SCC, PTTGC, IVL
กลยุทธ์การลงทุน: รอผลศาลฯ ก่อนเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานดี
บล.ดาโอฯ แนะนำให้นักลงทุนติดตามผลการพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ หากผลออกมา “ไม่ลบต่อตลาด” ควรทยอยสะสมหุ้นที่ราคาปรับฐานแรงก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่หากผลออกมา “ลบ” เช่น มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ควรชะลอการลงทุนชั่วคราว
พอร์ตแนะนำประจำวัน (คงน้ำหนักเดิม):
• PTTEP (10%)
• BCH, BDMS (รวม 20%)**
• BGRIM (10%)
• CPALL (10%)
• SCB (10%)
หุ้นเด่นเชิงเทคนิควันนี้: ITC–BEC
• ITC : เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค จากจุดต่ำสุดของรอบ
• BEC : มีโอกาสดีดตัวจากแนวรับสำคัญ หลังราคาปรับฐานลึก