ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มิถุนายน 2568) คาดว่าดัชนี SET Index จะแกว่งตัวในกรอบแคบที่ระดับ 1,132 - 1,145 จุด โดยนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ และสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดในระยะสั้น
ปัจจัยบวกจากต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณดี
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย หลังจากที่ ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวทะลุระดับ 6,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจและความหวังเรื่องการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
นอกจากนี้ การเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ได้ดำเนินต่อเป็นวันที่สอง โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีและวัตถุดิบหายาก ซึ่งหากผลออกมาในเชิงบวก ก็จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นโลก รวมถึงไทย มีทิศทางที่ดีขึ้น
การเมืองไทย-นโยบายเศรษฐกิจยังเป็นตัวแปรหลัก
สำหรับในประเทศ นักลงทุนยังคงรอติดตาม ความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี และแนวทางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงความเคลื่อนไหวเรื่องปัญหาชายแดน ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ยื่นข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อ USTR (สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ) อย่างเป็นทางการ โดยเสนอความร่วมมือในหลายสาขา เช่น ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ AI และพลังงาน ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และกำลังนัดหมายเพื่อประชุมรอบแรกในเร็ว ๆ นี้
ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเปิดตัวโครงการ Jump+ หนุนการลงทุนด้วย AI
มงคลเปิดเผยว่าอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเปิดตัวโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมุ่งเน้นสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนให้ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และเพิ่ม ROE โดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นโครงการระยะเวลา 3 ปี และมีเป้าหมายรับบริษัทเข้าร่วม 50-100 รายในปีนี้ โดยจะประสานงานกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google และ Amazon เพื่อช่วยเหลือในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
กลยุทธ์ลงทุน เน้นรอจังหวะ-เก็งกำไรหุ้นปันผล
ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุน มงคลแนะนำให้นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ “Wait & See” โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ปรับฐานลึก หรือทยอยสะสมหุ้นที่มีปันผลดีในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลจ่ายเงินปันผลงวดแรกของปี เช่น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTT, PTTEP, ADVANC
ทั้งนี้ หุ้นที่ทางฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนแนะนำและมีอยู่ในพอร์ต ได้แก่
• BGRIM (10%)
• PTT* (10%)
• SCB (10%)
• ADVANC (10%)
นอกจากนี้ หุ้นเด่นทางเทคนิคที่น่าจับตา ได้แก่ NCAP และ BKA
ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้
• การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
• ความคืบหน้าทางการเมืองภายในประเทศ
• ความคืบหน้าการประชุมการค้าระหว่างประเทศ