หุ้นไทยเงียบ รอบิ๊กดีลการค้า ‘จีน-สหรัฐฯ-ไทย’ ลุ้นดัชนีฟื้นกลับ

10 มิ.ย. 2568 - 04:04

  • ตลาดหุ้นไทยยัง “รอความชัดเจน” จากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน-ไทย

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดตัว “Jump+” ดัน บจ. ใช้ AI ลดต้นทุน-เพิ่ม ROE

  • เก็งกำไรหุ้นปันผล-หุ้นปรับฐานลึก เช่น PTT, PTTEP, ADVANC, SCB, BGRIM

หุ้นไทยเงียบ รอบิ๊กดีลการค้า ‘จีน-สหรัฐฯ-ไทย’ ลุ้นดัชนีฟื้นกลับ

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มิถุนายน 2568) คาดว่าดัชนี SET Index จะแกว่งตัวในกรอบแคบที่ระดับ 1,132 - 1,145 จุด โดยนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ และสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดในระยะสั้น

 

ปัจจัยบวกจากต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณดี

 มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย หลังจากที่ ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวทะลุระดับ 6,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจและความหวังเรื่องการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า

นอกจากนี้ การเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ได้ดำเนินต่อเป็นวันที่สอง โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีและวัตถุดิบหายาก ซึ่งหากผลออกมาในเชิงบวก ก็จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นโลก รวมถึงไทย มีทิศทางที่ดีขึ้น

 

การเมืองไทย-นโยบายเศรษฐกิจยังเป็นตัวแปรหลัก

สำหรับในประเทศ นักลงทุนยังคงรอติดตาม ความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี และแนวทางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงความเคลื่อนไหวเรื่องปัญหาชายแดน ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันในระยะสั้น

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ยื่นข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อ USTR (สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ) อย่างเป็นทางการ โดยเสนอความร่วมมือในหลายสาขา เช่น ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ AI และพลังงาน ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และกำลังนัดหมายเพื่อประชุมรอบแรกในเร็ว ๆ นี้

 

ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเปิดตัวโครงการ Jump+ หนุนการลงทุนด้วย AI

มงคลเปิดเผยว่าอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเปิดตัวโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมุ่งเน้นสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนให้ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และเพิ่ม ROE โดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นโครงการระยะเวลา 3 ปี และมีเป้าหมายรับบริษัทเข้าร่วม 50-100 รายในปีนี้ โดยจะประสานงานกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google และ Amazon เพื่อช่วยเหลือในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

 

กลยุทธ์ลงทุน เน้นรอจังหวะ-เก็งกำไรหุ้นปันผล

ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุน มงคลแนะนำให้นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ “Wait & See” โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ปรับฐานลึก หรือทยอยสะสมหุ้นที่มีปันผลดีในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลจ่ายเงินปันผลงวดแรกของปี เช่น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTT, PTTEP, ADVANC

 

ทั้งนี้ หุ้นที่ทางฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนแนะนำและมีอยู่ในพอร์ต ได้แก่

 • BGRIM (10%)

 • PTT* (10%)

 • SCB (10%)

 • ADVANC (10%)

นอกจากนี้ หุ้นเด่นทางเทคนิคที่น่าจับตา ได้แก่ NCAP และ BKA


ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้


 • การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

 • ความคืบหน้าทางการเมืองภายในประเทศ

 • ความคืบหน้าการประชุมการค้าระหว่างประเทศ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์