‘สาวอดีตคนสนิท สว.’ ยื่นสอบจริยธรรม ‘สว.หื่น’ หลังถูกล่วงละเมิด ลั่นเปิดหน้าขอความเป็นธรรม

8 ก.ค. 2568 - 06:44

  • ‘สาวอดีตคนสนิท สว.’ ยื่นสอบจริยธรรม ‘สว.หื่น’ หลังถูกล่วงละเมิด ลั่นเปิดหน้าขอความเป็นธรรม ระหว่างแถลงข่าวเป็นลมทรุด 3 ครั้ง เหตุป่วย PTSD

  • รับเคยคบหา แต่มีเหตุร้ายแรงจนต้องเลิกคุย ด้าน ‘ทนาย’ มั่นใจได้รับความยุติธรรม ไม่หวั่นอิทธิพลใดๆ ปัดเป็นเกมการเมือง เลื่อนเก้าอี้ให้ สว.สำรอง

‘สาวอดีตคนสนิท สว.’ ยื่นสอบจริยธรรม ‘สว.หื่น’ หลังถูกล่วงละเมิด ลั่นเปิดหน้าขอความเป็นธรรม

ที่รัฐสภา ณัฐสินี ภิญโญปิยวิศว์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางมาแถลงข่าวกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าก่อนเริ่มการแถลงข่าว ขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินมาบริเวณจุดแถลงข่าว เกิดล้มลง คล้ายกับเป็นลมถึง 3 ครั้ง ทำให้เธอต้องนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเธอได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นอาการของโรค PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Disorder (โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ) เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากบุคคลนั้นได้ประสบ หรือเห็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง

เมื่ออาการดีขึ้น ณัฐสินี ได้เริ่มแถลงข่าวว่า วันนี้ (8 ก.ค.) เธอเดินทางมายื่นฟ้องจริยธรรมร้ายแรงกับ สว. ที่ก่อเหตุ พร้อมย้ำว่าเธอไม่ใช่ผู้กระทำผิด และไม่กลัวที่จะเปิดหน้า เรียกร้องขอความเป็นธรรม แม้ตอนนี้จะรู้สึกกลัวมาก แต่ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน ก่อนเล่าว่าเธอรู้จักกับ สว. คนนี้เป็นการส่วนตัว และเคยคบหากัน แต่มีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าทำให้ต้องเลิกคุยกัน โดยไม่สามารถกลับมาคบกันได้อีก

ทั้งนี้ สว.คู่กรณี ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการที่เธอทำงาน แต่ยอมรับว่าได้เจอกันบ้าง และมีเรื่องที่จำเป็นต้องรักษามารยาท ในวันเกิดก็จะมีการทักไปแสดงความยินดี โดยหลังจากที่เธอแจ้งว่าจะมายื่นจริยธรรม ทางคู่กรณีไม่ได้ติดต่อตนมาแต่อย่างใด ส่วนคดีความที่แจ้งความที่ สน. เตาปูนจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้น

ณัฐสินี ยังเล่าว่า เหตุการณ์ที่เธอถูกละเมิด เกิดขึ้นเมื่อ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา สว. คนดังกล่าวได้ชวนไปทานอาหาร แต่เธอไม่สะดวกจึงขอนัดเป็นร้านขนม ย่านบรรทัดทอง ยืนยันว่าไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ โดย สว. มารับเธอที่บ้านพัก และหลังจากที่รับประทานเสร็จ สว. คู่กรณีได้ขับรถไปส่งเธอที่บ้าน แต่ระหว่างทาง สว. คู่กรณีขอคืนดี แต่เธอปฏิเสธ และขอเป็นเพื่อนกันอย่างเดียวดีกว่า

โดยภายในรถมีการดึงแขนล็อกตัวไม่ให้ออกจากรถ ซึ่งเธอพยายามกระโดดออกจากรถและขัดขืน แต่ถูกรั้งไว้ ส่วนเหตุผลที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือน เป็นเพราะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานต่างๆ ให้รัดกุม เนื่องจาก สว. คู่กรณีเป็นผู้ใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ในรายละเอียดของทนายความ ณัฐสินี ได้สะกิดผู้สื่อข่าวเพื่อขอยาดม จากนั้นมีท่าทีทรุดจะล้มจนทำให้คนที่อยู่รอบข้างประคองพยุง ก่อนที่ทีมพยาบาลรัฐสภานำตัวขึ้นรถเข็นและพาไปที่ห้องพยาบาล โดยระหว่างเจ้าที่พาณัฐสินีไปห้องพยาบาล ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ากังวัลหรือไม่ เพราะเป็น สว. ณัฐสินี ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า เธออยากเป็นกำลังใจให้เหยื่อทุกคนที่เหมือนกับเธอ ส่วน สว. คู่กรณีได้ติดต่อมาหรือไม่ ณัฐสินี ระบุว่า ไม่ทราบ แต่ก่อนหน้านี้มีติดต่อเข้ามา และในวันเกิดเหตุอยู่ในห้องเกิน 30 นาที จนตัวเองป่วยเป็นโรค PTSD

ส่วนพฤติกรรมที่ สว. คู่กรณีทำ เคยทำกับคนอื่นอีกหรือไม่ ณัฐสินี ระบุว่า ไม่ทราบ ส่วนทางคดีตอนนี้ตำรวจกำลังสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ เบื้องต้นมองว่ายังไม่ล่าช้า ตำรวจให้ความร่วมมืออย่างดี สำหรับพฤติกรรมชอบดื่มจนเมา เธอไม่ทราบ และคิดว่าเป็นการกระทำดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ไม่มีใครควรโดนแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้มีตำแหน่งหรือไม่มี ผู้สื่อข่าวขออนุญาตถามถึงประเด็นที่ถูกล่วงละเมินในคืนนั้น ณัฐสินี อธิบายว่า มีการใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปข้างใน

ขณะที่ รดิศทัต ประภานนท์ ทนายความของผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของคดีอาญา หลังจากที่แจ้งความแล้วเป็นเรื่องของตำรวจที่จะดำเนินการ เพราะได้แจ้งความในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญาที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ อย่างไรก็ดีในกรณีของการยื่นร้องเรียนจริยธรรมของ สว. ที่เป็นคู่กรณี มีเอกสารและรายละเอียดที่ชี้ให้เห็นพฤติกรรมของ สว. คนดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายผิดข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สว. และกรรมาธิการ ข้อที่ 21 ที่กำหนดว่าต้องไม่กระทำอันมีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรือกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำต้องยอมรับในการกระทำนั้น และกรณีที่น.ส.ณัฐสินี ป่วยด้วยโรคพีทีเอสดีนั้นเป็นจริงมีการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา

“เรื่องนี้เชื่อว่าจะมีเกิดขึ้นอีกมาก แต่กรณีของน.ส.ณัฐสินีนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ออกมาเปิดหน้าและต่อสู้ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นเรื่องของอดีตของคนที่คุ้นเคย เป็นรุ่นพี่รู้จักกันมา 20 ปีสามารถส่งข้อความไปสุขสันต์วันเกิดได้ อย่างไรก็ตามการยื่นร้องจริยธรรมต่อคณะกรรมการของวุฒิสภา ที่เป็นพวกเดียวกับกับ สว.คู่กรณีนั้น ผมยังเชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบจริยธรรมจะโปร่งใส พราะสว.ที่เป็นคู่กรณีนั้นมีความผิด ส่วนผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม” รดิศทัต กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นกังวลเรื่องถูกอิทธิพลข่มขู่หลังจากนี้หรือไม่ รดิสทัต กล่าวว่า เพิ่งเข้ารับหน้าที่เป็นทนายความของผู้เสียหายได้ 2 วัน หลังจากที่ทนายคนเดิมถอนตัวโดยไม่ทราบเหตุผล เพราะได้ดูหลักฐาน คลิปวีดีโอ แล้วยืนยันพร้อมที่จะช่วยลูกความสู้คดี โดยไม่กลัวอิทธิพลใดๆ เพราะหากกลัวคงไม่กล้าเปิดเผยหน้าต่อสาธารณะ

เมื่อถามว่ากรณีที่มาร้องจริยธรรมหลังจากที่เกิดเหตุมานาน ถูกมองว่าเป็นการรับงานทางการเมือง เพราะมี สว.กลุ่มสำรองต้องการตำแหน่ง รดิศทัต ยืนยันไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน ///

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์