จากกรณีรัฐบาล เสนอการบรรจุ ร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน2568 ก่อนปิดสมัยประชุม 10 เมษายน นี้ และให้กรรมาธิการ (กมธ.) ประชุมในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ หลายฝ่าย ออกมาคัดค้าน โดยมองว่า เป็นการเร่งรัดเกินไป เป็นการให้ความสำคัญมากกว่าโครงการเร่งด่วนอื่นๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเรื่องของเหตุแผ่นดินไหว!!!
เช่นเดียวกับ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม นำโดยนายวิชาญ ฤทธิ์วิชัย ตัวแทนกลุ่มฯ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึก คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรในวันนี้ (6 เมษายน) ต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค โดยระบุว่า...
ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ที่มีกาสิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญ และได้เลื่อนขึ้นพิจารณาเป็นการด่วนในวันที่ 9 เมษายนนี้ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียด และมีมติคัดค้านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังนี้
1\. การละเมิดหลักสัญญาประชาคม ด้วยเหตุว่าพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลปัจจุบันไม่มีพรรคใดหาเสียง ต่อประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าจะให้มีบ่อนพนันถูกกฎหมาย จึงเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบให้ แม้ประชาชนจะมอบให้แล้วก็ไม่สามารถใช้อำนาจตามอำเภอใจได้
2\. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นหลัก อาจไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง เพราะการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติ เป็นเพียงการโอนย้ายเงินจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการใดๆ ในทางกลับกันอาจส่งผลกระทบต่อสังคมและก่อให้เกิดต้นทุนสาธารณะที่สังคมโดยรวมต้องมาแบกรับ จึงไม่ก่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
3\. ขาดธรรมาภิบาล ร่างพระราชบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรีอย่างล้นเกิน ขาดการแบ่งแยกอำนาจเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุล เสมือนการให้เช็คเปล่ากับฝ่ายบริหารสามารถแสวงประโยชน์อย่างไรก็ได้
4\. ความเสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรม กาสิโนสามารถถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย อาชญากร รวมถึงข้าราชการและนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น หากพื้นฐานของประเทศนั้นไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดีพอ มีการทุจริตคอรัปชั่นสูง รวมถึงการมีกฎหมายที่มีช่องโหว่
5\. การไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน ปัจจุบันปรากฏเสียงคัดค้านจากทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งองค์กรศาสนา แพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข นักวิชาชีพ และกลุ่มมวลชนต่างๆ การเร่งผ่านกฎหมายโดยไม่ฟังความเห็นค้านของประชาชน อาจนำไปสู่การจุดชนวนความขัดแย้งทางสังคม ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งไม่เป็นที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้นอีก
6\. การเคารพมติมหาชน หากรัฐบาลเชื่อมั่นในนโยบายนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และพร้อมจะชี้แจงเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน รัฐบาลสมควรจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ขอเรียกร้องต่อประธานรัฐสภาโปรดยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว และขอเรียกร้องต่อพรรคการเมืองทุกพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ได้ใช้มโนสำนึกตัดสินใจอย่างอิสระปราศจากการถูกครอบงำใดๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ