เรื่องมันมีอยู่ว่า <> พีระพันธุ์ยื้อต่อสัมปทาน บ.อินโดฯ <> ‘V1’ แง้มประตูฉุกเฉิน เปิดตัว ‘ชัยเกษม’ นายกฯสำรอง

29 มิ.ย. 2568 - 23:45

  • เป็นรัฐมนตรีพลังงาน แต่ดองเรื่องพลังงานเป็นว่าเล่น

  • กำลังจะกลายเป็นค่าโง่ของกระทรวงพลังงาน หากบริษัทอินโดนิเซียฟ้องร้อง

  • การปรากฏตัวของนายกอะไหล่ ชัยเกษม นิติสิริ เพื่อปิดทางพวกใฝ่สูง

เรื่องมันมีอยู่ว่า   <> พีระพันธุ์ยื้อต่อสัมปทาน บ.อินโดฯ   <> ‘V1’ แง้มประตูฉุกเฉิน  เปิดตัว ‘ชัยเกษม’ นายกฯสำรอง

เรื่องมันมีอยู่ว่า   <> ผลงานกระทรวงพลังงานมีอย่างเดียวคือแก้กฎหมาย แต่ไม่รู้เสร็จเมื่อไหร่  กำลังจะเกิดค่าโง่จากรัฐมนตรีพลังงงานพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ดองงานเป็นว่าเล่น <> เรียกใช้ได้ตลอดสำหรับนายกรัฐมนตรีอะไหล่ ชัยเกษม นิติสิริ ที่มีชื่อเป็นนายก ฯ ทุกรอบ แล้วก็ร่วง รอบนี้ก็คงเหมือนเดิม <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

พีระพันธุ์ยื้อต่อสัมปทาน บ.อินโด

ดองไว้ 9 เดือนหลังผ่านครม.

เสียงฮือ เสียงโห่ เต็มไปด้วยความเสียดายจาก ‘ฝ่ายประจำ’ ข้าราชการกระทรวงพลังงาน ที่อุตส่าห์แอบเชียร์ ‘ฝ่ายการเมือง’ หวังเกิดความเปลี่ยนแปลงผ่านการปรับ ‘ครม.แพทองธาร 1/2' แต่ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ‘ชายพี’ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงเกาะเก้าอี้ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน แน่นยิ่งกว่า ‘ตุ๊กแก’

ตอกย้ำความจริงอีกครั้งว่า การปรับ ครม. เพื่อ ‘ผลสัมฤทธิ์-ประสิทธิภาพ’ การทำงานของรัฐบาลนั้น ‘ไม่มีจริง’ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองล้วนๆ

เพราะหากใช้เกณฑ์ผลงานมาประเมินพิจารณาปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็คงต้อง ‘รื้อ’ เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ที่ว่ากันตามตรง ก็ไม่มีผลงานจับต้องเป็นชิ้นอัน เช่นเดียวกับรัฐมนตรีรายอื่น ๆ แต่ปรากฏก็ยังอยู่กัน ‘เกือบ’ พร้อมหน้าพร้อมตา

ที่หนักกว่าคงเป็นประเภท ‘เกียร์ว่าง’ ไม่ทำอะไรเลย อย่าง ‘พีระพันธุ์’ ก็ไม่น่าได้อยู่มาถึงตอนนี้ จริงอยู่อาจจะมีเรื่องตรึงค่าไฟฟ้า-ราคาน้ำมัน โดยใช้กลไก กฟผ.-กองทุนน้ำมันฯ แล้ว แปะเป็น ‘หนี้’ ที่รัฐบาลต้องไปชดใช้ในอนาคต ซึ่งก็ไม่น่า ‘เคลม’ เป็นผลงานได้

ขณะที่นโยบายหรือแคมเปญที่คุยเขื่องโฆษณาชวนเชื่อไว้ เงียบกริบ จนข้าราชการเองก็ทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นว่า คนกระทรวงพลังงานไม่มีผลงาน  ตอนนี้ผ่านปีงบประมาณ ไปแล้ว 9  เดือนกว่าค่อนกระทรวงทำใจว่า ‘ตกประเมิน’ ไปเรียบร้อยแล้ว   บางฝ่ายเข็มชี้วัด KPI ไม่กระดิกเลย

เพราะไม่มีแนวนโยบาย หรือการอนุมัติใดๆ ออกจาก ‘เจ้ากระทรวง’  ครั้นพยายามขอเข้าหารือหรือประชุมรับนโยบาย ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

แน่นอนอุปสรรคที่มีผลแน่ๆ คือตลอดกว่า 2 ปีมานี้  ไม่รู้ด้วยรสนิยมคลาสสิก หรือความเชื่อสายมูเตลู ‘ชายพี’  เลือกที่ใช้บ้านพิบูลธรรม กระทรวงพลังงานเดิม เชิงสะพานกษัตริย์ศึก ริมถนนพระราม 1 ใกล้ตลาดโบ๊เบ๊ เป็นที่ทำงาน และไม่เคยไปเหยียบ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (EnCo) ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ทำการกระทรวงฯ ปัจจุบัน ที่ข้าราชการส่วนใหญ่นั่งทำงานอยู่เลย

เดือนก่อนขนาด ‘นายกฯอิ๊งค์’ แวะไปเยี่ยมและมอบนโยบายถึงตึก EnCo ก็ไร้เงา ‘พีระพันธุ์’ มาร่วมต้อนรับ

ช่วงหลังเห็นว่า อาการหนัก หลงยุค จู่ๆ ‘Work from Home’ ใช้บ้านเป็นที่ทำงาน วุ่นวายข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องไปสแตนด์บายตามหน้าที่ ก็กระทบภารกิจรูทีนไม่ได้ทำกันอีก

เมื่อ ‘ชายพี’ เล่น ‘ไม่สนใคร ไม่แคร์โลก’ ก็เดือดร้อนกันถ้วนทั่ว อย่างกรณียกเลิกการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสรรหากรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ ‘บอร์ด กกพ.’  จำนวน 4 คน แทนกรรมการเดิมซึ่งพ้นตำแหน่งตามวาระ ก็ ‘ล้ม’ มาร่วมปีแล้ว ยังไม่มีแนวทางใดๆออกมา ซึ่งกระทบการทำงานของ กกพ.อยู่ในตอนนี้

มาถึงประเด็นร้อน กรณีสัมปทานแหล่งน้ำมันดิบ ‘บัวหลวง’ แปลงสำรวจ B8/38 ในทะเลอ่าวไทย ที่ ‘เมดโค เอนเนอร์จี’ (Medco) บริษัทน้ำมันสัญชาติอินโดนีเซีย เป็นผู้ดำเนินการมาตั้งปี 2547 อายุสัญญาการผลิตช่วงแรก 20 ปี จะสิ้นสุด 23 ตุลาคม 2568

ตามกฎหมายปิโตรเลียมเมื่อหมดสัมปทานผลิตช่วงแรกแล้ว สามารถต่ออายุการผลิตตามกฎหมายได้อีก 10 ปี ทาง Medco ได้ยื่นเอกสารและเจตจำนงในการขอต่อระยะเวลาผลิต 10 ปี เนื่องจากประเมินว่า ปริมาณน้ำมันดิบยังมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ ได้ผ่านมติ ครม.ให้ต่อสัญญาตามกฎหมายแล้ว ตั้งแต่ 17 ตุลาคม 2567

เหลือแค่นัดหมายเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ติดก็แต่ ‘รัฐมนตรีพลังงาน’ จะต้องเป็นผู้ลงนามในสัญญาสัมปทานฝ่ายไทย ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีข้อสั่งการใดๆ ออกจาก ‘ชายพี’ ที่ก็เป็นผู้เสนอเรื่องเข้าวาระ ครม. และก็อยู่ด้วยในวันลงมติ

เจอแบบนี้ ผู้ประกอบการที่ลงทุนไปมากกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับปรุง ซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ตรียมการผลิตต่อเนื่อง ก็นั่งไม่ติด เกรงว่าจะไม่ทันก่อนหมดระยะเวลาผลิตเดือนตุลาคมนี้ ถึงขั้น ผู้บริหาร Medc0 บินตรงมาติดตามความคืบหน้า ก็ไม่เคยรับนัด

ครั้นจะมองร้ายไปว่า ดึงเวลาเรียก ‘ค่าน้ำหมึก’ ก็คงดูถูก ‘ชายพี’ ผู้มั่งมีเกินไป และมิเช่นนั้นก็คงรับนัด ‘แขกต่างแดน’ ไปแล้ว

แค่นี้ก็ครบองค์ประกอบ คดีอาญา ‘มาตรา 157’ ละเว้นหน้าที่ได้แล้ว กฎหมายก็เขียนไว้ชัดเรื่องสิทธิ์ในการขอต่อสัมปทาน และให้รัฐมนตรีเป็นผู้ลงนาม พลิ้วไปเป็นอื่นไม่ได้ เรื่องแบบนี้ควรจบแต่ต้น ไม่ต้องรอมาถึง 9 เดือนด้วยซ้ำ

ผลพวงเรื่องนี้ ไม่พ้นลามไปถึง‘ความสัมพันธ์’ ระหว่างประเทศ-ความเชื่อมั่นนักลงทุน อีกทั้งยังมีความเสียหายในแง่ธุรกิจของ Medco รวมถึง ‘รัฐไทย’ เองก็มีส่วนแบ่งจากการผลิต-ขายน้ำมันจากแหล่งนี้ราวเดือนละ 200 ล้านบาท

ดีดลูกคิดแล้วมหาศาล หากถึงที่สุด ‘พีระพันธุ์’ ไม่นัดสะบัดปากกา เชื่อว่าบริษัทอินโดฯ คงต้องเรียกค่าความเสียหายจากรัฐบาล ขณะที่ ‘พีระพันธุ์’ ก็คงไม่โดนแค่โทษอาญามาตรา 157 ยังต้องถูกฟ้องไล่เบี้ยรับผิดชอบ ‘ค่าโง่’ มหาศาล

ดูๆไป เรื่องนี้มีกลิ่นตุๆ เหมือนเรื่อง ที่ปรึกษา รมต. พลังงาน ไป ‘ตั้งโต๊ะ’  ขวาง โครงการจ้างขุดถ่านหินของ กฟผ.   ชายพีดองเรื่องไว้หลายเดือน จนบริษัทที่ชนะการประมูล ทำหนังสือทวงถาม และขู่ว่าจะฟ้อง ถึงให้เลขานุการ รัฐมนตรีออกมาเป็นหนังหน้าไฟ  ยอมคายโครงการนี้ออกจากปาก

<<<<<<<>>>>>>>> 

‘V1’ แง้มประตูฉุกเฉิน

เปิดตัว ‘ชัยเกษม’ นายกฯสำรอง

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จู่ๆ ก็ปรากฏภาพ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’   แคนดิเดตนายกรับมนตรีคนที่ 3  ของพรรคเพื่อไทย  ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กำลังจรดไดรเวอร์จ้องไปที่ลูกกอล์ฟด้วยมาดสุขุมของนักกอล์ฟสมัครเล่นผู้มากประสบการณ์ ที่นับถึงวันนี้อายุอานาม 76 ขวบปีให้แล้ว

เป็นภาพ ‘ชัยเกษม’ ที่อัปเดตล่าสุด เพราะระยะหลังเจ้าตัวมักไม่ปรากฏตัวออกสื่อ หรืองานสาธารณะ ขนาดตามอีเวนท์ของพรรคเพื่อไทย ต้นสังกัด ยังเลือกออกเฉพาะงานใหญ่เท่านั้น ทำให้หลายฝ่ายคิดว่า เฟดตัวออกจากการเมืองไปแล้ว

ขนาดช่วงที่ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เซถลาจนจะล้มแล่มิล้มแหล่จากคลิปสนทนา ‘ลุง-หลาน’ นั้น ชื่อของ ‘ชัยเกษม’ ที่ยังมีสถานะ ‘แคนดิเดตนายกฯ’  หนึ่งในผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็ถูกตัดออกจาก ‘ทางเลือก’ แก้สถานการณ์ขณะนั้น

เพราะทุกฝ่ายทึกทึกเอาเองว่า ‘มีปัญหาสุขภาพ’ อันเป็นภาพจำจากเมื่อเกินกว่า 2 ปีก่อนที่ ‘ชัยเกษม’ ป่วยกระทันหันขณะร่วมคณะพรรคเพื่อไทยเดินสายหาเสียง จนถูกหามส่งโรงพยาบาล และเก็บตัวพักผ่อนไปพักใหญ่

กระทั่งถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงในวงหารือที่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ หลัง ‘นายกฯนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ถูกตัดสินให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ชื่อของ ‘ชัยเกษม’ ถูกเลือกให้เป็นผู้ที่จะเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกเป็นนายกฯ

ก่อนที่รุ่งเช้าอีกวันชื่อจะถูกเปลี่ยนมาเป็น ‘แพทองธาร’ โดยมิได้แสดงเหตุผลประกอบ จนเข้าใจกันว่าอดีตอัยการสูงสุดผู้นี้ ‘ไม่ไหว’

จากนั้นก็ยังพอเห็น ‘ชัยเกษม’ ที่ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่ช่วงแรกของรัฐบาล เพื่อไปรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวร่วมกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยบ้างในบางโอกาส แต่ก็ไม่มีบทบาททางการเมือง หรือในฐานะที่ปรึกษานายกฯ ให้เห็นในทางสาธารณะเลย

กระทั่งสถานการณ์การเมืองในประเทศ-นอกประเทศกลับมาร้อนแรง มีการยัดเยียดทางเลือก ‘ลาออก-ยุบสภา’ ให้ ‘นายกฯอิ๊งค์’ พิจารณาเป็นรายชั่วโมง ซึ่งนายกฯเองก็ยืนยันหนักแน่นว่า จะยังทำหน้าที่ต่อไป โดยไม่สนใจแรงกดดันใดๆ

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายประเมินว่า ‘แพทองธาร’ คงทู้ซี้อยู่ได้อีกไม่นาน โดยมีคำร้องของ ‘สว.สีน้ำเงิน’ ที่ชงให้ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.พิจารณาคุณสมบัติ และกระกระทำที่เข้าข่ายขัดกฎหมายของ ‘อิ๊งค์’ เป็นตัวเร่ง โดยมีเงื่อนไขว่า ‘ยุบสภา’ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่คะแนนนิยมตกต่ำถึงขั้นสุดในตอนนี้

และหากจะหันไปสนับสนุน ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ที่ยังมีสิทธิ์เพียงคนเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน ยิ่งหากหลุดไปถึง อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้า และ แคนดิเดตนายกฯของพรรคภูมิใจไทย ในซีกฝ่ายค้าน ก็ไปกันใหญ่

ตรงนี้เองจึงมีการปล่อยภาพ ‘ชัยเกษม’ ออกมาอย่าง ‘ถูกจังหวะ’ และแม้จะเป็นเพียงภาพนิ่งที่อาจไม่โชว์ความฟิตให้เห็น แต่ ‘อดีต อสส.’ ที่ไม่ค่อยนิยมแสดงความคิดเห็นหรือเป็นข่าว ก็ยังยินดีให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ โดยมี ‘คำสำคัญ’ ในการยืนยันว่า สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ตีกอล์ฟ-เข้าฟิตเนสเป็นประจำ และยังไม่ต้องไปพบแพทย์ติดตามอาการป่วยเมื่อ 2 ปีก่อนแล้วด้วย

ส่วนคำถามเรื่องความพร้อมในการทำหน้าที่นายกฯนั้น ‘ชัยเกษม’ ตอบแบบเหนียมๆ ในช่วงแรก ก่อนจะตบท้ายตามสคริปต์

‘ไม่จำเป็น ต้องให้ผมเป็น ถ้าเลี่ยงได้ ก็ให้คนอื่นเป็นเถอะ ผมทำมาเยอะแล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องทำเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ทำได้ ไม่มีปัญหา’

‘เขามีอะไรถึงเวลาจะใช้ก็บอกมา ทำได้ทั้งนั้น’

ชัยเกษม ผู้ซึ่งไม่ต่างจาก ‘ยาสามัญประจำบ้าน’ ของตระกูลชินวัตรว่าไว้ ซึ่ง ‘เขา’ ในที่นี้ก็คงไม่พ้น ‘ทักษิณ’ หรืออาจรวมไปถึง ‘คุณหญิงอ้อ’ พจมาน ดามาพงษ์ ที่ให้ความเคารพนับถือเชื่อมือ ‘ชัยเกษม’ มาตั้งแต่สมัยเป็นอัยการสูงสุด

อ่านไม่ยากว่า เป็นความตั้งใจของ ‘บ้านชินวัตร’ ที่ต้องการโชว์ว่ามี ‘ประตูฉุกเฉิน’ ไม่ได้ ‘จนตรอก’ อย่างที่บางฝ่ายคิด โดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีข่าวว่า ‘พีระพันธุ์’ อ้างมติพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปยื่นคำขาดให้ ‘แพทองธาร’ ลาออก และให้ ‘ชัยเกษม’ ขึ้นเป็นนายกฯแทนซึ่งเป็น ‘คำขาด’ ที่เข้าใจเองว่า ‘ชัยเกษม’ ไม่พร้อม แล้วหาก ‘นายกฯอิ๊งค์’ บ้าจี้ลาออกจริง ก็อาจ ‘ส้มหล่น’ ตกมาถึงตัวเอง

แต่เมื่อได้รับคำยืนยันว่า หากเกิดอุบัติเหตุ ‘นายกฯสำรอง’ คือ ‘ชัยเกษม’ ที่มีความพร้อม ทำเอาต้องรีบ ‘พลิกลิ้น’ แสดงการสนับสนุนรัฐบาลทันควัน พร้อมเงื่อนไขต้องไม่แตะต้องเก้าอี้ รมว.พลังงาน

ซีนของ ‘ชัยเกษม’ ที่หากไม่รู้เจตนาก็ดูจะ ‘ออฟไซต์’ เพิ่มแรงกดดันไปที่ ‘หลานอิ๊งค์’ ไม่น้อย จึงเชื่อว่าต้องได้รับ ‘ไฟเขียว’ จาก ‘V1’ แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

งัดไม้นี้ตีกัน ‘พวกใฝ่สูง’ ที่ฉาบภาพ ‘คนดี’ แต่จู่ๆ ก็มา ‘กรรโชก’ เอาเก้าอี้นายกฯซึ่งหน้า

<<<<<<<>>>>>>> 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์