เรื่องมันมีอยู่ว่า <> พรรคเพื่อไทยจำใจเล่นบท ‘ป๋า’ จับแจกเก้าอี้รัฐมนตรีให้พรรคร่วม เพื่อช่วยค้ำรัฐบาลอิ๊งค์ 1/2 <>หลังเขี่ยภูมิใจไทยพ้นมหาดไทย เพื่อไทยเตรียมล้างคราบสีน้ำเงิน ปลัดป็อป รอบนี้เก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางได้ <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
V1 แจกเก้าอี้ รมต. เซฟ‘ลูกอิ๊งค์’
ตรึงเสียงหนุนรัฐบาล ลิ่วล้อได้แต่กลืนเลือด
คำพระท่านว่า ‘อนิจจัง’ ความไม่เที่ยงแท้ ความไม่แน่นอน เกิดได้ ก็ดับได้ เป็นได้ ก็หลุดได้ น่าจะเป็นคติธรรมคำสอนที่สะท้อนภาพโผคณะรัฐมนตรี หรือ ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ ที่จวนปิดกล่อง เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอน ได้เป็นอย่างดี
ตามรูปการณ์ที่ยังมีความพยายาม ‘เขย่า’ อยู่เนืองๆ และเชื่อว่าจะเขย่ากันจนวินาทีสุดท้าย หรือจนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ ลงมาอย่างเป็นทางการ พวกที่ว่านิ่ง-ที่ว่าแน่ มีชื่อติดโผจองเก้าอี้มาตั้งแต่ต้น ปรากฏโผแรกกับโผสุดท้ายคนละเรื่อง ก็มีให้เห็นมาแล้วนักต่อนัก
หนนี้ก็เช่นกัน ขนาดมี 8 เก้าอี้ของ ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ มา ‘เกลี่ย’ กันใหม่ ก็ยังไม่พอ ดีมานด์เกินซัพพลายไปอื้อซ่า ว่ากันว่า มีผู้ที่กรอกประวัติเพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติมากกว่าเก้าอี้ที่ว่างไปเกือบเท่าตัว เห็นได้จากโผที่สื่อทุกสำนักแข่งกันนำมาเปิดเผย ที่แทบไม่ซ้ำกันเลย
ที่น่าสนใจระคนแปลกใจ ก็จากรายงานข่าวโผ ครม.ที่ออกมา หากคำนวณสัดส่วนตามจำนวน สส.ทั้ง 10 พรรคร่วมรัฐบาลที่รวมกันวันนี้อยู่ที่ 255 เสียง กับอีก 8 เสียง สส.สังกัดพรรคฝ่ายค้าน แต่ร่วมกิจกรรมสนับสนุนรัฐบาล เบ็ดเสร็จ 263 เสียง
นำ 263 เสียงมาคำนวณกับจำนวน 35 เก้าอี้ทั้ง ครม. ก็จะตก ‘7.5-8 สส.ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี’
ตามสูตรนี้ พรรคเพื่อไทย ที่มี 142 เสียง ก็ควรต้องได้อย่างน้อย 19 เก้าอี้รัฐมนตรี รวม 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี รวมเป็น 20 เก้าอี้ แต่ปรากฏว่า เกลี่ยไปเกลี่ยมา คนเกลี่ยอย่าง พรรคเพื่อไทย ที่เป็นหัวหน้าแก๊งดัน ‘ขาดทุน’ ได้ส่วนแบ่งเพิ่มมาอีกแค่ 2 จาก 4 เก้าอี้ที่ควรจะได้
ส่วนอีก 6 เก้าอี้ที่เหลือ ‘จำใจ’ เป็นบรรณาการแก่ พรรคร่วมรัฐบาล ที่เหมือนถูกหวยถ้วนหน้า อยู่ดีๆ ก็ได้เก้าอี้เสานาบดีเพิ่มกันคนละตัว ขนาด พรรคชาติพัฒนา ที่มีแค่ 3 เสียง แลกได้ไม่ถึง ‘ครึ่งก้น’ด้วยซ้ำ ก็ยังได้ส่งชื่อตรวจคุณสมบัติกับเขาไปด้วย
การที่ พรรคเพื่อไทย ต้องแจกเก้าอี้ รมต. ให้แทบทุกพรรค ไม่เกี่ยงขนาด หรือจำนวน สส. ก็เพื่อ ‘ซื้อใจ-ผูกขา’ ไม่ให้มีจังหวะหวั่นไหว ด้วยสถานการณ์ ‘รัฐบาลแพทองธาร’ มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแค่ 7 เสียงเท่านั้น ส่งผลให้ทุกเสียงมีความหมายทั้งสิ้น
เกิดดูแลไม่ทั่วถึง วันดีคืนดี พวกโหวตสวน หรือแกล้งลืมโหวต มันจะไม่เสียแค่เก้าอี้ แต่จะหายวับไปทั้งรัฐนาวา
รูปการณ์แบบนี้ ‘คนเพื่อไทย’ ไม่เคยประสบมาก่อน ด้วยที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลครั้งใด ก็มีเสียงข้างมากเหลือแหล่ อำนาจต่อรองเต็มกระบุง ไม่ต้องไปเปย์ หรือไปง้อใครให้เสียฟอร์ม กลับกันใครอยากร่วมรัฐบาลต้องมาอ้อนวอน แบบไม่มีเงื่อนไขด้วยซ้ำ
พวก ‘คนเพื่อไทย’ ที่เข้าคิวต่อแถวติดบั้งรัฐมนตรี จะเคือง ‘นายใหญ่ V1’ ก็เคืองไม่ลง ได้แต่กลืนเลือดกล้ำกลืนกันไป ครั้นจะไปลุ้นเกมเก้าอี้ดนตรีในพรรค ก็มีแต่เด็กแปะยี่ห้อ ‘นายหญิง V2’ ขวางทาง ให้เสียอารมณ์ไปอีก
รอบนี้บรรยากาศก็เลยแปลกๆ พรรคอื่นนัวเนียกันไม่พัก แต่ไม่ยักมีคลื่นใต้น้ำ ‘ค่ายจันทร์ส่องหล้า’ ไปผสมโรง.
<<<<<<>>>>>>
‘เพื่อไทย’ล้างบางมหาดไทย
ปลัด‘ป๊อป’จ่อโดนเด้ง
ปรับ ครม.ยุคนี้ปิดเกมเร็วแบบสมัยก่อนไม่ได้แล้ว ต้องใช้เวลาเช็คกันละเอียดยิบ ประวัติต้องใส คุณสมบัติต้องใช่ เผลอไผลไปอาจตกเก้าอี้ไม่รู้ตัว แถมซวยไปถึง ‘คนเสนอ’ ด้วย
และเมื่อหนนี้มีรัฐมนตรี ‘ถอนสมอ’ ตามจังหวะการเมืองพร้อมกันทีเดียว 8 คน จำนวนนี้มี 4 คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ กับเวลาที่ยังไม่แน่นอนว่า เจ้ากระทรวงคนใหม่จะมาประจำการเมื่อไร
ด้วยเหตุผลฟังขึ้นว่า ไม่อยากให้เว้นช่วงเกิด ‘สุญญากาศ’ นาน ‘นายกฯอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เลยออกคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่สาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมาย-มอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ซึ่งก็เพื่อให้คลอบคลุม 4 กระทรวงที่เดิม พรรคภูมิใจไทย ดูแลอยู่
โดยมอบให้ 3 รองนายกฯ ได้แก่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ดูแลกระทรวงมหาดไทย ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ดูแลกระทรวงแรงงาน ‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ ดูแลทั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มเติมจากคำสั่งเดิม
สำคัญที่ไม่ใช่แค่คำสั่งในกระดาษเท่านั้น เพราะ 3 รองนายกฯ และ จิราพร สินธุไพร เดินสายไปมอบนโยบาย 4 กระทรวงที่ ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ เคยดูแลอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเป็นจังหวะก้าวที่นัดแนะกันมาอย่างแน่นอน
ประเด็นหลักที่ทั้ง 4 เสนาบดี ‘ค่ายสีแดง’ นำไปสื่อสารกับข้าราชการให้ทุ่มเททำงานให้กับ ‘รัฐบาลสีแดง’ ที่ปราศจาก ‘สีน้ำเงิน’ และให้ ‘ฟรีซ’ โครงการจัดซื้อจัดจ้างที่ค้างคาอยู่ทั้งหมด เพื่อให้
‘เจ้ากระทรวงคนใหม่’ เข้ามาทบทวนรวมไปถึงตรวจสอบก่อนจะดำเนินการต่อ หรือล้มโครงการ หากมีความไม่ชอบมาพาก
ก่อนที่ ‘ทีมสีแดง’ จะบุกเข้าไปโชว์พาวเวอร์ข่ม ‘สีน้ำเงิน’ ก็มีกระแสข่าวนำร่องไปก่อนแล้วว่า ทันทีที่ได้ ครม.ชุดใหม่ มีเจ้ากระทรวงฟูลทีม จะมีการเปิดปฏิบัติการ ‘ล้างบางสีน้ำเงิน’ ข้าราชการระดับสูงคนไหนมีใจอิงแอบ ‘บ้านใหญ่บุรีรัมย์’ อยู่ก็เตรียมตัวย้ายที่ทำงาน หรือรอโดนแขวนได้เลย
ที่ว่าแข็งๆ อย่าง ‘เดอะป๊อป’อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่อายุราชการเหลืออีกเพียบ แต่เตะตาอย่างจังกับช็อตไปร่วมเจี๊ยะอาหารจีนกับ ‘พี่หนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถอนตัวออกจากรัฐบาลหมาดๆ ถือว่าท้าทายอย่างแรงกับ ‘บ้านใหญ่จันทร์ส่องหล้า’
ฤดูกาลโยกย้ายเดือนกันยายนนี้ ‘ปลัดป๊อป’ เตรียมเก็บข้าวของสไลด์มากินตำแหน่ง ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทนคนเก่าที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ซึ่งในทางราชการมองว่าถูก ‘แขวน’ หรือ ‘ลดเกรด’ เพราะแม้ตำแหน่งจะเทียบเท่ากัน แต่ ‘อำนาจ’ ต่างกันฟ้ากับเหว
ขณะที่ ‘บิ๊กมหาดไทย’ เจ้ากรมต่างๆ นำโดย ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เด็กใน ‘บ้านใหญ่เขากระโดง’ ตลอดจนไปถึงบรรดาบิ๊ก 5 แท่งกระทรวงศึกษาธิการ ก็ชะตาไม่น่าต่างกัน จนว่ากันว่าบางคนถอดใจกรอกเอกสาร ‘เออลี่รีไทร์’ ล่วงหน้าแล้ว
สัญญาณเข้มๆว่า งานนี้ ‘สายสีแดง’ เล่นบทโหด ตามล้างเช็ดให้ไม่เหลือคราบ ‘สีน้ำเงิน’ ที่คงไม่ใช่แค่ไม่ถูกโฉลกสี หรือตั้งใจจะมาสางแค้นที่อยู่กวนใจมานานก็ไม่ทราบ.
<<<<<>>>>>>