เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘จักรภพ เพ็ญแข’ คัมแบ็ก สเปกตรงปก ‘โฆษกรัฐบาล’ ‘ทูตปู’ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ ได้ไปต่อเพราะนายกฯ‘ปู’

6 ก.ค. 2568 - 23:45

  • บทบาทใหม่ จักรภพ เพ็ญแข จากนายแบกสู่โฆษก

  • คลื่นใต้น้ำของคนในพรรคกำลังเริ่ม เพราะเจอ เส้นใหญ่ และเด็กนาย

  • มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศได้ไปต่อเพราะมี ปูดัน

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘จักรภพ เพ็ญแข’ คัมแบ็ก สเปกตรงปก ‘โฆษกรัฐบาล’ ‘ทูตปู’ มาริษ  เสงี่ยมพงษ์  ได้ไปต่อเพราะนายกฯ‘ปู’

เรื่องมันมีอยู่ว่า   <> จักรภพ เพ็ญแข คือนายแบกระดับแถวหน้า ถึงเวลากลับมาทำงานใหญ่ ที่กำลังจัดวางว่าจะให้อยู่ตรงไหน <> จัดสรรเก้าอี้ใหม่ให้พรรคร่วมจบแล้ว  แต่คลื่นใต้น้ำของคนอกหักในพรรคเพื่อไทยกำลังเริ่มต้น  แต่รัฐมนตรีต่างประเทศมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ได้ไปต่อเพราะมี ‘ปูดัน’<> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘จักรภพ เพ็ญแข’ คัมแบ็กการเมือง

สเปกเทพตรงปก ‘โฆษกรัฐบาล’

ยอมรับเต็มปาก ‘พี่เอก’ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัย ‘รัฐบาลสมัคร’ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัย ‘รัฐบาลทักษิณ’ กับกระแสข่าวที่ว่าได้รับการเสนอชื่อให้กลับมาช่วยงานสื่อสารในฐานะ ‘โทรโข่ง’ ให้กับ ‘รัฐบาลแพทองธาร’

แถมยังไปไกลถึงขั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโทรศัพท์สอบถามเพื่อเช็คประวัติ และขอเอกสาร ตามขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ ‘ข้าราชการการเมือง’ เรียบร้อยแล้ว เตรียมคัมแบ็กถนนสายการเมือง ‘มีตำแหน่ง’ อย่างเป็นทางการ อยู่ที่ วัน ว. เวลา น. และตำแหน่งที่ชัดเจนเท่านั้น

หลังจากที่ผ่านมา ‘จักรภพ’ มีบทบาท ‘แบก’ รัฐบาลเพื่อไทยมาโดยตลอด และถือว่าอยู่ในร่องในรอย ไม่หลุดหลักการ-จุดยืน ‘เลอะเทอะ’ เหมือน ‘ชาวแบก’ คนอื่นที่ไปทางเข้ารกเข้าพง

ไม่เพียงเท่านั้นบทบาท ‘นายแบก’ ของ ‘จักรภพ’ นั้น ดูจะมีทิศทางและชัดเจนกว่าเจ้าของตำแหน่ง ‘โฆษกรัฐบาล’ คนปัจจุบัน อย่าง ‘เสี่ยยุ’ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ด้วยซ้ำ

ทั้งที่ชื่อชั้นของ ‘จิรายุ’ เองก็ไม่ธรรมดา เคยผ่านงานสื่อสารมวลชน และมีประสบการณ์การเมือง เป็น สส.ฝีปากกล้าคนหนึ่งมาก่อน แต่มา ‘ดับสนิท’ กับงานโฆษก ที่ถูกมองว่า ‘สอบตก’ ไม่มีการตอบโต้หรือให้ข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ ทั้งที่ถูกคาดหวังสูงแ

เมื่อ ‘โฆษกยุ’ ทำหน้าที่ไม่สมราคา ‘คุย’ ที่ว่าจะเป็น ‘ลำโพงชั้นดี’ ให้กับรัฐบาล ก็เหมือนซ้ำเติม ‘นายกฯอิ๊งค์’ ที่ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างมีปัญหาด้านการสื่อสารต่อสาธารณะเป็นทุน พอเกิดดรามาอะไรขึ้น ‘ก้อนหิน’ ก็มักตรงไปที่ตัว ‘ผู้นำ’ แบบที่หากโฆษกรัฐบาล ‘ที่ดี’ ก็คงไม่บอบช้ำขนาดนี้

ระยะหลัง หากมีการพูดถึงสเปกหรือคุณสมบัติ ‘ที่ดี’ ของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ ‘โฆษกรัฐบาล’ ก็มักมีการพูดถึง 2 บุคคล หนึ่งคือ ปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาลสมัย ‘รัฐบาลอภิสิทธิ์’ ที่ปัจจุบันกลับไปสวมหมวก ‘นักวิชาการ’ เต็มตัว ปฏิเสธทุกการทาบทามจากหลายรัฐบาลให้มาช่วยงาน

ส่วนอีกหนึ่งก็คือ ‘จักรภพ’ ที่หากตัดทัศนคติทางการเมืองที่เคย ‘สุดโต่ง’ ต้องถือว่า ‘จักรภพ’ ตรง สเปกภารกิจสื่อสารต่อสาธารณะให้แก่รัฐบาลในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง

ทั้งในฐานะอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และเรื่องสื่อสารในระดับสากล หรือข้อปฏิบัติตามพิธีการทางการทูต หรือประสบการณ์ด้านสื่อมวลชน ก็หายห่วง

ชีวิตของ ‘จักรภพ’ หักเหถูกทาบทามให้ ‘เล่นการเมือง’ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ในนามพรรคไทยรักไทยที่มีการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ช่วงปี 2548-2549 แม้จะไม่ได้รับเลือกเป็น สส. แต่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใน ‘รัฐบาลทักษิณ’

เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ‘จักรภพ’ ก็ได้ร่วมกับ วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จัดรายการโทรทัศน์ผ่านทาง ‘พีทีวี’ และถูกยกให้เป็นแกนนำคนเสื้อแดงยุคบุกเบิก

กระทั่งพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี 2550 ‘จักรภพ’ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายดูแลกำกับสื่อของรัฐทั้งส่วนของ อสมท. และช่อง 11 ที่เปลี่ยนชื่อเป็น ‘เอ็นบีที’  ในเวลาต่อมา

กระทั่งปี 2552 หลังสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ‘จักรภพ’ ได้ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศเพื่อ ‘ลี้ภัยทางการเมือง’ เป็นเวลากว่า 15 ปี

โดยที่ระหว่างโลดแล่นทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงการชุมนุม ‘จักรภพ’ ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหลายคดี หนึ่งในนั้นคือความผิด ‘มาตรา 112’ ฐานหมื่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วย อย่างไรก็ดีข้อหาต่างๆ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ‘จักรภพ’ เป็นส่วนใหญ่ ที่ฟ้องบางคดี ศาลก็ยกฟ้องไปแล้ว

แต่เจ้าตัวก็ยังเลือกลี้ภัยในต่างแดน เพราะถูกแจ้งข้อหา และออกหมายจับฐานฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของ คสช. ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567

หากจำกันได้ วันนั้นเจ้าตัวได้ประกาศว่า ‘กลับมารับใช้เมืองไทย’ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งให้ ‘จักรภพ’ เข้าไปมีส่วนช่วยรัฐบาลเพื่อไทย แต่อย่างใด

ว่ากันว่า เคยมีการเสนอชื่อ ‘จักรภพ’ ที่ไร้มลทินแล้ว เข้ามามีตำแหน่งในรัฐบาล แต่ก็ถูก ‘เจาะยาง’ ทุกครั้งด้วยว่ามีคดีมาตรา 112 ติดตัว ทั้งที่อัยการสั่งไม่ฟ้องไปตั้งแต่ต้นแล้ว

ดูท่าว่ารอบนี้จะแช่งชักหักกระดูกย่างไรก็คงเบรก ‘จักรภพ’ ที่เข้าไปเป็นตัวช่วยรัฐบาลยามลำบากไม่ได้

อย่างไรก็ดี ‘จักรภพ’ ยังต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เก่งแต่นอกสังเวียน หรือจะเป็น ‘ของเก๊’ ซ้ำรอย ‘ใครบางคน’ ที่กำลังจะพ้นหน้าที่เร็วๆนี้.

<<<<<<<>>>>>>>>

‘ทูตปู’ มาริษ เสงี่ยมพงษ์

ได้ไปต่อเพราะนายกฯ‘ปู’

ปรับ ‘ครม.แพทองธาร 1/2’ งวดนี้ ‘คนกดปุ่ม’ อย่างพรรคเพื่อไทย นอกจากถีบส่ง ‘หอกข้างแคร่’ พรรคภูมิใจไทยออกไปได้ ที่เหลือดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย ก็อุตส่าห์พ้นอิทธิพล ‘สีน้ำเงิน’ มาได้ กลับต้องมาเป็น ‘เบี้ยล่าง’ พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่ดี

หลักๆแค่ยึด กระทรวงมหาดไทยไว้กับตัวเอง ส่วนโควตา 8 ที่นั่งรัฐมนตรีต้องจับแจกไปเกือบหมดมือแบบที่ไม่ได้ริเป็น ‘โรบินฮู้ด’ โจรคุณธรรมปล้นคนรวยแจกคนจน แต่เรื่องของเรื่องก็แค่ ‘เอาตัวรอด’ ไม่ให้อำนาจหลุดมือ เทแทบหมดหน้าตักซื้อใจ ‘พรรคร่วมฯ’ ให้อยู่หมัด

ปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก ผลักตัวเองเข้าไปตกที่นั่งลำบาก ‘เสียงปริ่มน้ำ’ มี สส.แปะป้ายฝ่ายรัฐบาล เกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ แค่ราว 10 เสียง

ศักยภาพรักษาองค์ประชุมสภาฯแทบจะเท่ากับ ‘ศูนย์’ เจอเกม ‘นับองค์ฯ’ เมื่อไรก็ ‘ล่ม’ เมื่อนั้น

อย่างสัปดาห์ก่อนก็เจอ ‘รับน้อง-ลองของ’ ตั้งแต่วันแรกหลัง ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ยื้อพอเป็นพิธีไม่นาน ก็ต้องสั่งปิดประชุม หนีญัตตินับองค์ประชุม

และก็เชื่อกันว่า จะติดลูปวนเวียนเกมนับองค์ไปตลอดสมัยประชุม

เดิมใน ครม.ก็มีรัฐมนตรีติดสถานะ ‘ไฮบริด’ สวมหมวก สส.หลายคนอยู่แล้ว ชุดใหม่ยังเติม สส.ขึ้นเป็นรัฐมนตรี เบ็ดเสร็จตอนนี้อย่างน้อย 16 คนที่ยังมีหน้าที่เป็น ‘องค์ประชุม’ แถมกว่าครึ่งดันเป็น สส.เขต ที่อยู่ดีๆ จะลาออกเปิดทางให้คนอื่นไปทำหน้าที่ ‘ผู้แทนฯ’ แทนก็ไม่ได้ เพราะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมวุ่นวายไปอีก

ส่วนที่เป็น สส.บัญชีรายชื่อ ก็มีหลากหลายเหตุผลที่ไม่สามารถทิ้งเก้าอี้ สส.เพื่อเลื่อนคนอื่นในบัญชีขึ้นมาเป็น สส.แทน ครั้นจะให้ออกแค่ ‘บางคน’ ก็แทบไม่ช่วยอะไร ไม่มีผลเป็นนัยสำคัญ

เว้นก็แต่ต้องควานหา ‘งูเห่า’ ให้ได้ ถ้ามีจริงก็กินนิ่ม 2 เด้ง ‘ไป-กลับ’ ทั้งเติมเสียงรัฐบาล และตัดเสียงฝ่ายค้าน แต่เท่าที่สำรวจก็พบว่า ‘หมดซีซั่น’ ไม่ใช่เวลาออกเลื้อย

ที่บางคนคุยเขื่องว่าตุนไว้พร้อมหยิบสั่งการได้ทุกเมื่อ ก็  ‘โม้’ ทั้งเพ

จนรัฐมนตรีที่เป็น สส.อยู่ด้วยหลายคน เริ่มหาวางแผนเปิดออฟฟิตกันที่รัฐสภา ทุกพุธ-พฤหัสฯ หรือทุกครั้งที่มีการประชุมสภาฯ ไปจนถึงประชุมร่วมรัฐสภา จะได้วิ่งไปโหวต หรือแสดงตนในที่ประชุมได้ทัน

ทำเอาคนในพรรคเพื่อไทย พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่นึกว่าผลจากอัปเปหิ ‘ค่ายเขากระโดง’ ออกไป จะทำให้ต้องตกที่นั่งลำบากขนาดนี้

ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่น่าจะเอามาปลอบประโลมผู้แทนฯแก่พรรษาในพรรคก็ท่าจะประเคนให้พรรคร่วมฯอีก

หลังเก้าอี้รัฐมนตรีตามโควตาพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในข่าย ‘ผลัดกันชม’ ก็ถูกตัดจบด้วยคุณสมบัติ ‘เด็กนาย’ ที่เข้มขลังกว่าความรู้ความสามารถ ทำให้ประสบการณ์ผู้แทนฯไม่ว่าจะกี่สมัย ‘ไร้ค่า’ ไปเสียอย่างนั้น

ที่แปลกใจกันว่างวดนี้ ‘คลื่นใต้น้ำ’ ในพรรคเพื่อไทยไม่ยักจะขยับ ก็อาจไม่จริงซะทีเดียว เพราะ ‘คลื่นใต้น้ำ’ ก็มีอยู่เหมือนเดิม แค่คิดว่าขยับไป ก็เปลืองแรง

ขนาดแค่ส่งเสียงสะกิดให้รัฐมนตรีที่เป็น สส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทยลาออกเพื่อขยับคนอื่นมาทำหน้าที่ในสภาฯบ้าง จริงๆก็มีทั้ง สุชาติ ตันเจริญ , ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ถือเป็นระดับผู้อาวุโส และก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจได้ว่า ทั้งคู่ยังควรมีสถานะทางฝ่ายนิติบัญญัติไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด

แต่ว่ากันว่า กระแสกดดันพุ่งเป้าไปที่ ‘ดรหญิง’ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ ด้วยข้อหา ‘หมั่นไส้’ ที่ถึงขนาดงัด ‘ดราม่าป่วยหนัก’ แซงพวกคว้าพุงปลาไปกิน จนกลายเป็นเป้าทั้งใน-นอกพรรค

ปรากฏเจ้าตัวรีบไปหลบหลัง ‘นายกฯนิด’ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่งวดนี้ถือเป็น ‘พ่อยก’ อย่างเป็นทางการ อ้างว่าต้อง ‘การันตี’ เก้าอี้รัฐมนตรีจนครบเทอม เหมือนเหล่าผู้อาวุโส ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ ที่ลาออกหลังได้เป็นรัฐมนตรีแบบไม่คิดอะไร ถ้าไม่ก็ขอกอดเก้าอี้ สส.ไว้แบบนี้

ช่วงก่อนการปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็มีความพยายามเล็กๆ ที่จะ ‘เปิดหลุม’ เผื่อมีเก้าอี้ดนตรีให้กระชุ่มกระชวยกันบ้าง รายหนึ่งที่ถูกตั้งคำถามมาตลอด ‘ทูตปู’ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่เดิมแค่ดึงมา ‘ขัดตาทัพ’ แก้ปม ‘เสี่ยตั๊ก’ ปานปรีย์ มหิทรานุกร ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ ช่วงนายกฯเศรษฐา เหตุไม่พอใจถูก ‘ลดชั้น’  ริบเก้าอี้รองนายกฯ

ไปๆมาๆ ‘ทูตปู’ ผ่านการปรับ ครม.แล้ว 2  ก็ยังคงเซฟเก้าอี้ได้แบบสบายๆ

แม้เก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ จะไม่เป็นที่ปรารถนาของ ‘นักเลือกตั้ง’ แต่ถ้าเปิดหลุมได้ ก็มีลุ้นขยับให้เก้าอี้กระทรวงอื่นว่าง

ครั้งหนึ่งหลังเกิดปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในการประชุม สส.เพื่อไทย ผู้แทนฯหลายคนเรียงแถวลุกขึ้นถล่มการทำงานของ รมว.ต่างประเทศ อย่างหนัก

เมื่อปล่อยให้ด่า ‘ทูตปู’ จนหนำใจแล้ว ‘เฮียอ้วน’ ภูมิธรรม เวชชยชัย ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้นกดไมค์ใช้สิทธิชี้แจงแทน ‘ทูตปู’ ที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม สั้นๆใจความประมาณว่า เป็นคนของ ‘V2’ ที่หมายถึง ‘นายกฯปู’ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

แค่นั้นก็ทำเอาวงแตก แตะต้องไม่ได้อีกแล้ว

เซ็งซ้ำเซ็งซ้อน ตามประสา ‘คลื่นใต้น้ำ’ ยี่ห้อ ‘เพื่อไทย’

<<<<<<<<>>>>>>>>>>>

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์