เรื่องมันมีอยู่ว่า เป็นวันที่เกมการเมืองพลิกทุกชั่วโมง จากกระแสไม่เอานายกฯ ต้องลาออก หรือยุบสภา พรรคร่วมถอนตัวเหมือนภูมิใจไทย แต่สุดท้ายการเมืองคือเรื่องของตำแหน่ง จึงเห็นจุดยืน แถลงการณ์แบบแทงกั๊กออกมาให้รำคาญใจเล่น พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘รทสช.’ นอกบทนาทีสุดท้าย
หรือ ‘พีระพันธุ์’ หวังถึงนายกฯ
จริงๆแล้ว 48 ชั่วโมงคือ เส้นตายที่ ‘ค่ายสีแดง’ พรรคเพื่อไทยให้โอกาส ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ ตอบรับข้อเสนอ ‘2 แลก 1’ คายกระทรวงมหาดไทยออกมา แล้วรับกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปแทน
ซึ่งก็รับรู้โดยทั่วว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้าของเก้าอี้ มท.1 ในตอนนั้น ‘ปฏิเสธ’ ตั้งแต่วินาทีแรกที่สิ้นเสียงผู้นำสารมาเสนอ
จึงอาจนับวินาทีนั้น หรือวินาทีที่ ‘เสี่ยหนู’ หักดีลอย่างไม่ใยดี นำมาซึ่ง 48 ชั่วโมงแห่งความซับซ้อน หักศอก หักมุม จนเดาตอนจบของการเมืองไทย ep นี้ไม่ออก
ปฐมเหตุเริ่มจาก ทักษิณ ชินวัตร ออกปากผ่านสื่อถึงแนวคิดการ ‘ดึง’ กระทรวงมหาดไทย กลับไปให้พรรคเพื่อไทยดูแล ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้เหมือนจะเอาให้ได้จริงๆ แถมแฝงด้วยรังสีอำมหิตตามธงที่จะถีบ ‘ค่ายเขากระโดง’ ออกไปเป็นฝ่ายค้าน ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568
แต่กว่าที่ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ผู้มีอำนาจในการเสนอปรับคณะรัฐมนตรี จะเริ่มขยับลงดาบก็กินเวลากว่า 3 สัปดาห์ หรือในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่เรียก ‘รองนายกฯพี่หนู’ มาพบเพื่อแจ้งความประสงค์ขอ รมว.มหาดไทย
แต่กว่าจะมีการพูดถึงเส้นตาย 48 ชั่วโมง ก็ปาเข้าไปถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2568
กระทั่งเช้าวันที่ 18 มิถุนายน อาการของ ‘อนุทิน’ ไม่สู้ดี พร้อมให้สัมภาษณ์คล้ายยอมรับชะตากรรมว่า ‘คงต้องทางใครทางมัน’ ซึ่งนาทีนั้นต้องถือว่าพรรคเพื่อไทย ถือแต้มต่อสูงปรึ๊ด และมีการย้อนถึงรู้ครั้งสุดท้ายที่ ‘อนุทิน’ เข้าไปร่วมวงดินเนอร์ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็เป็นคืนก่อนที่ ‘ทักษิณ’ จะประกาศขอ รมว.มหาดไทย
ย้ำให้เห็นว่าคงเกิดเหตุทำนอง ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ในคืนนั้น และเป็นธงที่หนักแน่นมาตลอดกับการอัปเปหิ ‘ภูมิใจไทย’ ออกจากรัฐบาล
ทว่าไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็เกิด ‘หักมุม’ กับคลิปสนทนา ‘ลุง-หลาน’ ที่เริ่มแชร์กันในวงแคบๆ แต่ตัวละครในคลิปออกมายอมรับว่า เป็นคลิปจริง ทั้งฝ่าย ‘ฮุน เซน’ ผู้นำตัวจริงแห่งกัมพูชา ที่ถือโอกาสปล่อยคลิปตัวเต็ม และ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ที่ยอมรับว่าเป็นการพูดคุยจริง พร้อมตัดพ้อว่าไม่คิดว่าจะถูกอัดเสียง
แต้มต่อของ พรรคเพื่อไทย ‘หาย’ ไปในทันที แถมยังถูกโหมว่า เป็นเรื่องใหญ่หลวง จนรัฐบาลจมลงไปในแดนลบ
ทำให้ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่กำลังหาทางถอนตัวจากรัฐบาล ได้ที ‘กระโดดงับ’ เรื่องความมั่นคงของชาติในการถอนตัวออกจากรัฐบาล ซึ่งว่ากันว่าเกมนี้ ‘น้าเน’ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย ทั้งรู้เห็น และเป็นตัวการของการเผยแพร่คลิปด้วยซ้ำ
ตลอดช่วงเย็นถึงดึกคืนนั้นทุกกระแสโหมกระหน่ำกดดัน ‘นายกฯอิ๊งค์’ ให้แสดงความรับผิดชอบ จนเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วต้องมีแอคชันบางประการจาก ‘แพทองธาร’ ไม่ว่าจะเป็นการ ‘ลาออก’ จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ก็ ‘ยุบสภา’ ไปว่ากันใหม่
เช้าวันที่ 19 มิถุนายน บรรยากาศยังคงคุกรุ่น!
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ ‘แพทองธาร’ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ ทั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา มีนัดประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในวันเดียวกัน
แต่แล้ว… ‘นายกฯหลานอิ๊งค์’ ที่ผ่านค่ำคืนอันหนักหน่วงก็ปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาล มีการปรับภารกิจช่วงเช้าเรียก ‘ผู้นำเหล่าทัพ’ มาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนกัมพูชา
นัยว่าเป็นการเช็กการตอบรับจากบรรดา ‘ผู้นำเหล่าทัพ’ ไปในตัว และก็มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด-ผู้บัญชาการทหารบก-ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาร่วม ส่วนทัพอากาศ-ทัพเรือ ติดภารกิจต่างประเทศ ส่งผู้แทนมา
เท่ากับว่า กองทัพยัง ‘ตอบสนอง’ รัฐบาลตามปกติ กระทั่งในการแถลงข่าวเกี่ยวกับการประชุม ที่เปิดหัวด้วยการขออภัยคนไทยทั้งประเทศ ก็มี ผบ.ทสส.-ผบ.ทบ.-ผบ.ตร. ร่วมเป็นวอลเปเปอร์ คล้ายเป็นการประกาศว่า ยังได้รับการสนับสนุนจาก ‘ท็อปบูต’ หรือ ‘ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม’ ทำลายฝัน ‘สายมโน’ ไปในตัว
ส่งผลให้กระแสกดดัน‘เบาบาง’ ลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ฝ่ายค้านอย่าง ‘ค่ายสีส้ม’ พรรคประชาชน พยายามโหมให้มีการยุบสภา
ขณะที่น้องใหม่ฝ่ายค้าน ‘ค่ายน้ำเงิน’ พรรคภูมิใจไทย ก็มีคิวที่ ‘รองฯแบด’ ภราดร ปริศนานันทกุล ลาออกจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทั้งที่ต้องถือว่าไม่ได้เกี่ยวกับการถอนตัวออกจากรัฐบาล แต่หวังโหมให้เห็นภาพว่า เป็นการกระโดดออกจากเรือที่ ‘กัปตัน’ ผิดพลาด
ด้วยกระแสกดดันที่หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมบรรยากาศการไปร่วมกิจกรรมในหลักสูตรจิตอาสา-เศรษฐกิจพอเพียง ที่กรมพันทหารราบที่ 11 ก็ดู ‘แพทองธาร’ มีสีหน้าสดใส แถมมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะมาพักใหญ่ ร่วมกิจกรรมด้วยสียิ้มแย้มแจ่มใส
ก็ยิ่งทำให้เชื่อว่า ‘หนูอื๊งค์’ จะยังได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่
จนมา ‘หักมุม’ อีกรอบ ช่วงค่ำวันเดียวกัน เมื่อทั้ง ‘ค่ายสุพรรณฯ’ พรรคชาติไทยพัฒนา และ ‘ค่ายสะตอ’ พรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดประชุมพรรค และมีมติสนับสนุนรัฐบาลต่อไปตามสคริปต์เป๊ะ
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะ ‘ค่ายลุงตู่’ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ ‘อาตุ๋ย-พีระพันธุ์’ ไปยิ้มแฉ่งข้าง ‘หลานอิ๊งค์’ เมื่อบ่ายราวกับประทับตราไปต่อให้รัฐบาลเพื่อไทย กลับออกมติที่พิสดารเกินกว่าใครจะคาด
โดยมอบให้ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคเป็นผู้ไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีลาออก แต่ยังไม่ตัดสินใจจะอยู่หรือถอนตัวออกจากรัฐบาล รอดูผลตอบรับจาก ‘อิ๊งค์’ เสียก่อน แล้วจึงนำกลับมาให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาลงมติอีกครั้ง
มติประเภทนี้หากรัฐบาลมีเสียงเข้าเซฟโซนเสียหน่อย โดยไม่ต้องพึ่ง 18 เสียงที่เหลือของกลุ่ม ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ เชื่อว่า คงถูกถีบออกจากรัฐบาลตาม ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ ไปแล้ว
เพราะเป็นมติที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตามวิถี ‘ประชาธิปัตย์ของแท้’ ที่แท้เสียยิ่งกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ เดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งหลุด QC ความเป็นประชาธิปัตย์ไปไกล
ไม่เหมือน ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ ศิษย์เก่าค่ายสะตอ ที่กรีดเลือดออกมาตอนนี้ก็ยังเป็นสีฟ้าอยู่เลย
ทำให้สถานการณ์ หักมุม หักศอก มาตลอด 48 ชั่วโมงจึงยังจบไม่ลง ต้องรอดูต่อไปว่า บทสรุปการเมืองไทย ep นี้จะเป็นอย่างไร
การเดินหมากนี้ของ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะแค่ยึกยักเอาเท่ หรือหวังต่อรองให้ได้อะไรๆ มากกว่านี้ การกดดันให้ ‘แพทองธาร’ ลาออก ทั้งที่ก็รู้ถึงข้อจำกัดของแคนดิเดตนายกฯที่เหลือของพรรคเพื่อไทย
หรือเพราะ ‘ท่านชายพี’ ยังมีสถานะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เลยกดดันกันซึ่งหน้าแบบนี้.
<<<<<<<>>>>>>>>