เรื่องมันมีอยู่ว่า <>ทันทีที่ภูมิใจไทยถูกเขี่ยออกจากรัฐบาล เก้าอี้รัฐมนตรีคือเป้าหมายหลัก ธาตุแท้ ของพรรคการเมืองถูกเปลือยออกมา หัวหน้า – เลขาพรรค รทสช. ทำให้ดีเอ็นเอลุงตู่ กลายพันธุ์จนเป็นด้อมสับสน<>โฆษกรัฐบาลปากแจ๋ว จิรายุ ห่วงทรัพย์ เจอของจริงกรณีไทยกับกัมพูชาเงียบ ไร้เสียง ไม่สมบทบาท พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
พีระพันธุ์ -เอกนัฎ กลืนน้ำลายตัวเอง
หลอก‘ติ่ง’รวมไทมสร้างชาติ
ถูกจับตามองมาตลอด ตั้งแต่มีกระแสข่าวจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทุกวันนี้ยังโหน ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยุติบทบาททางการเมืองไปแล้ว เมื่อ สุชาติ ชมกลิ่น-พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สามารถรวบรวมรายชื่อ 21 สส.ที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ หัวหน้า-เลขาฯพรรค เสนอให้ ‘หนูอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ปลดทั้ง พีระพันธุ์-เอกนัฏ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากขาดความรู้ความสามารถ และมีปัญหาเชิงจริยธรรม
ทว่ามีคิวแทรก ต้องพักยกชั่วคราว จากเหตุพิพาทไทย-กัมพูชา คลิปลุงกับหลาน จนกลบประเด็นพฤติการณ์-คุณสมบัติของ ‘คุณพี’ ที่ตอนนั้นถือว่าง่อนแง่นหนัก
หากเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติของแท้ที่ลุงตู่สร้างมากับมือ ในฐานะหัวหอกอนุรักษ์นิยม ต้องเป็น ‘คนแรก’ ที่แสดงจุดยืนไม่สามารถร่วมงานกับรัฐบาล และประกาศถอนตัวไปก่อนใครเพื่อน
แต่ที่เห็นและเป็นไป นอกเหนือจากแถลงการณ์ ‘กั๊ก’ พอเป็นพิธีผ่านเพจเฟซบุ๊กของพรรค ก็ยังไม่มี ‘ใคร’ แสดงความคิดเห็นท้วงติงใดๆตามอุดมการณ์พรรคเลย
อาจเพราะจิตใจ ‘หัวหน้า-เลขาฯ’ จับจดหมกมุ่นอยู่กับการปรับ ครม. ที่ตัวเองมีโอกาสถูกปรับออกสูงปรี๊ด ก็เลยไม่มีเวลาใส่ใจ ‘ส่วนรวม’ หรือ ‘จุดยืน’ ซักเท่าไร
ถ้าจะสงวนท่าทีทำเป็นลืมจุดยืนของพรรค แต่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเองที่ต้องแสดงความสนับสนุน ‘นายกฯอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังซวนเซอย่างหนัก ซึ่งทุกพรรคร่วมรัฐบาลมีมติให้การสนับสนุน โดยปราศจากเงื่อนไข มีก็แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เดิมนัดหมายประชุมก่อนพรรคอื่นๆ กลับเลื่อนไปหลังสุด ยื้อเวลาให้พรรคอื่นๆแสดงจุดยืน คงเกรงว่าจะผิดคิว
ที่สุดประชุมจบก็ยัง ‘ยึกยัก’ เรียกราคา แล้วยังแสดงพฤติกรรม ‘อีแอบ’ ไม่เปิดเผยมติพรรค อ้าง
ว่าต้องไปเรียนนายกฯให้ทราบก่อน ผิดหลักมติพรรคการเมืองอย่างสิ้นเชิง
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มติกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย ‘พีระพันธุ์’ ให้ไปยื่นเงื่อนไขให้ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ลาออก หากไม่ลาออกจะถอนตัว กระชุ่นใจ ‘ด้อมขวา-ติ่งพี’ ที่เชียร์ให้ถอนตัวยิ่งนัก
ปรากฏว่า เวลาผ่านไป จนแบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรีใกล้จบ เพิ่งออกมาแก้ข่าวว่า ไม่มีมติอย่างที่ว่านั่นเลย
หลังประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้วเสร็จ ‘พีระพันธุ์’ เดินเลี่ยงตอบคำถามนักข่าว มุดเข้า ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ เพื่อขอคำยืนยันว่า ตัวเองจะไม่ถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.พลังงาน เท่านั้น
โดยไม่ได้เอ่ยถึงมติกรรมการบริหารพรรค หรือแม้แต่ขอให้ ‘นายใหญ่ V1’ การันตีเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม ของ ‘เลขาฯขิง’ ด้วยซ้ำ จน ‘เอกนัฏ’ ต้องโร่ไปพึ่ง ‘ลุงแท้ๆ’ ที่เฟดจากการเมืองไปแล้ว และยังงอแงไปฟ้อง ‘พ่อกำนัน’ ให้มาช่วยอีก
ปัญหามีว่า พรรคเพื่อไทย จำต้องพึ่ง 18 เสียง ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ของฝั่ง ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ อยู่ เนื่องจาก ‘งูเห่าสีน้ำเงิน’ ที่ดีลไว้ยังไม่สะดวกเลื้อยในยามนี้ จึงต้องยอมผูกขาให้ร่วมรัฐบาลไปก่อน และแม้ ‘V1’ จะต้องการเปลี่ยนตัว รมว.พลังงาน เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่า ไร้ผลงานอย่างสิ้นเชิง อยากขยับ ‘พีระพันธุ์’ ไปดูแลงานอื่นใจจะขาด
แต่ก็ติดที่เจ้าตัวดันเพิ่งโดนร้องจริยธรรม-คุณสมบัติ ทั้งกรณีแจกถุงยังชีพ-ถือหุ้นเอกชน จึงสุ่มเสี่ยงหาก ‘นายกฯ’ ต้องลงนามเสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ ในตอนนี้ และจำเป็นให้อยู่ในตำแหน่งเดิมไปก่อน โดยยึดคุณสมบัติครั้งก่อนที่ยังไม่โดนร้อง
เมื่อได้สัญญาณชัวร์แล้วก็เลยได้เห็น ‘คุณพี’ มายืนหน้าแฉล้มในวงแบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรีที่โรงแรมโรสวู้ด แบบไม่กระดากใจที่เล่นละครหลอก ‘ด้อม-ติ่ง’ ให้หลงดีใจ และยังไม่สนใจว่า พรรคที่ยืนอยู่ได้ด้วย ‘ดีเอ็นเอลุงตู่’ จะพังพินาศแค่ไหน
ขอแค่ ‘คุณพี’ ไม่พัง ‘ลูกขิง’ ได้กอดเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นพอ
<<<<<>>>>>>>
ลำโพงไร้เสียง ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์‘
ได้เวลาเปลี่ยนโฆษกรัฐบาล
ในขณะที่รัฐบาล โดยเฉพาะ ‘นายกฯอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร เผชิญสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ทั้งศึกในกับ พรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้านี้ หรือศึกนอกที่ยังติดพัน หลังโดน ‘เฒ่าแขมร์’ ชกใต้เข็มขัด จนแทบเอาตัวไม่รอด
กลายเป็นว่ามือไม้ ในรัฐบาลกลับ‘ง่อยเปลี้ยเพลียแรง’ แทบไม่เคยมีบทบาทช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น หลายฟังก์ชันเงื้อง่าไม่ทันกิน ทำให้เดินหมากตามก้น ‘อริราชศัตรู’ จนต้องพึ่ง ‘ตัวช่วยพิเศษ’ พยุงให้ตั้งหลักได้
ฟังก์ชันสำคัญที่ ‘สอบตก’ อย่างไม่น่าให้อภัย คงเป็นเรื่องการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ที่เคย ‘ขันน็อต’ ซ้ำแล้วหลายครั้ง
จนระยะหลัง ‘พระเอกบรู๊ค’ ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย ถูกบังคับให้แถลงข่าวทุกวันอาทิตย์ เพื่อชิงพื้นที่สื่อ และยังเป็นการช่วยแบ่งเบาการสื่อสารในส่วนของรัฐบาลด้วย ก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอย
ซึ่งก็ต้องให้เครดิตทีมรองโฆษก ‘ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ-ชญาภา สินธุไพร-ขัตติยา สวัสดิผล’ มากกว่าหัวหน้าทีมอย่าง ‘ยอดชายนายบรู๊ค’ ที่ดูจะยัง ‘ห่วงหล่อ’ ไปหน่อย
เช่นเดียวกับในซีกของรัฐบาล ที่ไม่น่าเชื่อว่า ‘เสี่ยยุ’ จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้มากประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชน และยังเคยเป็น สส.ฝีปากกล้า เฉียดๆ ระดับ ‘ดาวสภา’ จะผิดฟอร์มมาตลอดตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘โฆษกรัฐบาล’
ไม่รู้ว่าเอาแต่ ‘เพลย์เซฟ’ หรือไม่เข้าใจประเด็น จึงใช้รายงานสรุปแบบ ‘ราชการ’ มาแปะชื่อตัวเองแล้วให้ทีมงานส่งข่าวผ่าน ‘ไลน์กลุ่ม’ แทบไม่มีการแถลงข่าวนอกเหนือจากการแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีทุกวันอังคาร จนแทบลืมลีลาดุดันมะเทิ่งในสภาฯ แต่ก่อนไปสนิท
ในขณะที่สถานการณ์รุมเร้ารัฐบาลรอบด้านก็ยังไม่ยักเห็น ‘โฆษกจิรายุ’ ทำหน้าทีสมบทบาทที่เคยประกาศตัวจะเป็น ‘ลำโพงชั้นดี’ แต่อย่างใด
ในยามที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด มีการออกมาตรการตอบโต้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับเป็น ‘เดียร์’ ขัตติยา ที่ใช้พื้นที่รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ
ขณะที่ ‘พี่ยุ’ ออก ‘ข่าวแจก’ ในฐานะ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นประธานการประชุมชี้แจงการดำเนินการแก้ไขปัญหา การนำเข้า และการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ ธุรกิจผิดกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้า และนอมินี
ถือเป็นข่าวที่ไม่ถูกทั้ง ‘กาละ’ และ ‘เทศะ’ ประเด็นอาจดูสำคัญ แต่ก็ ‘เบาหวิว’ ในสถานการณ์ขณะนี้ เทียบกับแถลงของ ‘ขัตติยา’ ไม่ได้เลย
ทั้งที่น้ำหนักต้องอยู่ที่ ‘โฆษกรัฐบาล’ มากกว่า ‘รองโฆษกพรรค’ แบบคนละรุ่น
ไม่เท่านั้นยังเป็นที่สังเกตด้วยว่า ‘จิรายุ’ ยังเลือกใช้ ‘ตำแหน่งลอย’ อย่าง ‘ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี’ ซึ่งหากมีคำว่า ‘ของ’ ถือเป็นตำแหน่งที่ตั้งเอง ไม่มีกฎหมายรองรับ มากกว่าจะใช้ตำแหน่ง ‘โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี’ ที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ย้อนไปสัปดาห์ก่อน มีเรื่องเม้าท์กระหึ่มทำเนียบรัฐบาล เมื่อ ‘นายกฯอิ๊งค์’ เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง หลังเดินทางกลับจาก จ.อุบลราชธานี ปรากฏเมื่อเริ่มประชุม ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกเรียกเข้าห้องประชุม ไม่เว้นแม้แต่ ‘วิม รุ่งวัฒนจินดา - สุทิษา ประทุมกุล’ ทีมงานสื่อสารของนายกฯ ก็ได้เข้าห้องประชุม เว้นแต่ ‘จิรายุ’ ซึ่งยืนกุมมืออยู่หน้าห้อง แล้วค่อยนำรายงานที่ฝ่ายประจำสรุปมาแปะชื่อตัวเองแล้วส่งข่าว
การที่ให้โฆษกรัฐบาลรอนอกห้องประชุมวงสำคัญ น่าจะเป็นสัญญาณว่า ไม่ใช่ปรับ ครม.เท่านั้น
แต่คง ‘ต้องเปลี่ยน’ โฆษกรัฐบาลที่พอฝากผีฝากไข้เป็นตัวช่วยยามวิกฤตที่ดีกว่านี้ด้วย
<<<<<<>>>>>>>