เรื่องมันมีอยู่ว่า อาการสู้มือของภูมิใจไทยที่ไม่ยอมลุกจากมหาดไทย ทักษิณต้องถามพี่แป้ง ได้งูเห่าเพิ่มหรือยัง <<>> คนขี้ลืมอย่าง ทวีวัฒน์ เส้งแก้วกับเงิน 12 ล้านบาท ทำให้คู่สมรสต้องติดร่างแหไปด้วย เพราะ ป.ป.ช.สั่งสอบไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน <<>> พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีพลังงานกำลังทำอะไรกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘ธรรมนัส’ คุยเยอะ แต่ทำไม่ได้ แผน‘นายใหญ่’ ยึด มท. สะดุด
ชอร์ตไปดื้อๆ เกมเก้าอี้ดนตรีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่รอบนี้ ‘เจ้ามือ’ ประกาศโต้งๆ กะกินรวบ เอา ‘มหาดไทย’ กลับมาดูแลเอง แถมเร่งเครื่องราวจะให้จบวันนี้พรุ่งนี้
ทว่าปรับ ครม.ยุคนี้มีพิธีรีตองสารพัด กว่าปิดกล่องกินเวลาร่วมเดือน หมดทางปิดเกมเร็ว สยบแรงกระเพื่อมเหมือนแต่ก่อน
พอเป็นเกมยาว ก็เลยมีปัจจัยแทรกได้ตลอดทาง ไปๆมาๆ เกมพลิก สถานการณ์เปลี่ยนจากที่กำลังได้เปรียบ ก็อาจพลิกกลับมาเป็นรองได้เหมือนกัน
ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง เดิม ‘มุมน้ำเงิน’ พรรคภูมิใจไทย ถูก ‘มุมแดง’ พรรคเพื่อไทย ต้อนเข้ามุมจนแบะท่ายกธงขาวยอมทุกทางแบบไร้เงื่อนไข แค่ขอเป็น ‘พรรคร่วมรัฐบาล’
ปรากฎว่า ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ทำตัวเป็น ‘เด็กดี’ กลับจากภารกิจต่างแดน ไม่รู้ไปซด ‘ดีหมี หัวใจเสือ’ มาจากไหน เครื่องแตะรันเวย์ปั๊บ เข้าเรื่องทันทีว่า ข้อตกลงจบตั้งแต่ ‘ปฏิญญาช็อกมิ้นต์’ ครั้งตั้งรัฐบาลที่แล้ว
พร้อมย้อนด้วยว่า ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยขอเข้าร่วม แต่เพราะได้รับเชิญมาต่างหาก
เหมือนชี้หน้าด่า ‘ทักษิณ’ ที่มาจุ้นจ้านกับโควต้า ‘ค่ายน้ำเงิน’ ว่าผิดคำพูด ไม่พอยัง ‘ลำเลิกบุญคุณ’ ประมาณไม่มีภูมิใจไทย ก็คงไม่มีรัฐบาลเพื่อไทย ไม่มี ‘นายกฯอิ๊งค์’
ทำเอา ‘คนบ้านจันทร์ฯ’ ถึงกับควันออกหูเลยทีเดียว
มองผิวเผินที่ ‘เถ้าแก่เพื่อไทย’ ไม่เดินหน้าปิดเกม ‘ภูมิใจไทย’ ให้รู้แล้วรู้รอด อาจเพราะ ‘นายกฯลูกสาว’ ยังไม่อินกับการปรับ ครม. เพราะห่วงแรงกระเพื่อม หรือเพราะมีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาแทรก
กระทั่งช่วงนี้ที่ ‘ทักษิณ’ อาจหลุดโฟกัสใน ‘สัปดาห์ชี้เป็นตาย’ ที่มีเรื่องตัวเองรอขึ้นเขียงทั้ง แพทยสภา และศาลอาญานักการเมือง ก็เลยเผลอผ่อนคันเร่งไม่รู้ตัว
มีเสียงซุบซิบให้แซ่ด พรรคเพื่อไทยว่า ต้นเหตุที่ทำให้ ‘นายใหญ่’ ไล่หวดพรรคภูมิใจไทย ได้ไม่เต็มวงสวิง เพราะ ‘ลูกน้องคนโปรด’ อย่าง ‘พี่แป้ง’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้ อย่างที่คุยเอาไว้
ด้วย ‘ธรรมนัส’ ที่พยายามสถาปนาเป็น ‘เจ้าของฟาร์มงู’ ประกาศว่า จะกดปุ่มเรียก ‘ฝูงงูเห่า’ ที่ชุบเลี้ยงไว้ให้เลื้อยมาโหวตหนุน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระแรก
มีตัวเลขเป๊ะๆด้วยว่า อย่างน้อย 11 เสียง หรืออาจไปถึง 20 เสียงด้วยซ้ำ
ถึงเวลาจริง ไม่มีเสียงมาเติม ทำเอา ‘นายใหญ่’ ที่ออกตัวเปิดเกมยึด ‘มหาดไทย’ ถึงกับหัวทิ่ม ด้วยจะข่ม ‘แก๊งเซราะกราว’ ให้มิดต้องมีมือ สส.ซัก 10-20 มาบลัฟ ลดความเสี่ยงน็อกจากอาการ ‘ปริ่มน้ำ’
ด้วยวันนี้หากอัปเปหิ 69 สส.สีน้ำเงินออก มือรัฐบาล-ฝ่ายค้าน จะสูสีกันที่ 255-250 เสียง แบบที่ประชุมนัดไหน ถ้า สส.รัฐบาล เผลอเข้าห้องน้ำนาน อาจเปลี่ยนสถานะไปเป็นฝ่ายค้านไม่รู้ตัว
ความผิดพลาดของ ‘ธรรมนัส’ กลายเป็นความบันเทิงของบรรดาลูกพรรคเพื่อไทยน้อยใหญ่ ที่ชั่วโมงนี้เกือบทั้งพรรคไม่ปลื้มบทบาท ‘ผู้กองเมืองพะเยา’ ที่กำลังขึ้นหม้อบ้านจันทร์ฯ
คนล้มอย่าข้าม แต่ต้องซ้ำให้ไว ได้ทีใส่ไฟสารพัด ขี้โม้ ขี้ฟัน มือไม่ถึง กล้าริการใหญ่ ออกปากขอเก้าอี้ รมว.มหาดไทย เป็นบำเหน็จล่วงหน้า
ฟาก ‘ธรรมนัส’ เองก็ไม่รู้ว่าทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ เพราะจะอ้างว่าโหวตงวดนี้ไม่จำเป็นต้องเติมเสียง เพราะรัฐบาลชนะขาดลอย ก็คงฟังยาก
ด้วยหากละไว้เรื่องคุณสมบัติขุ่นๆ แล้วถ้า ‘ธรรมนัส’ อยากอัปชั้นเป็น ‘มท.1’ ไม่โชว์ตอนนี้จะไปโชว์ตอนไหน
หรือมองได้ว่า เจ้าตัวไม่ทุ่มสุดตัว เพราะโอกาสกลับขึ้นบัลลังก์เสนาบดี แทบจะเป็นศูนย์ ไม่มีศาลไหน-องค์กรใด รับตีความปมคุณสมบัติให้เคลียร์คัท
ค้างคาแบบนี้ ‘นายใหญ่’ ไม่มีทางเอาอนาคต ‘นายกฯลูกสาว’ ไปเสี่ยงด้วยแน่ๆ.
<<<<<<<>>>>>>>>
‘ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว’ คนของใคร?
เศรษฐกิจฝืดเคือง จะกินซักมื้อคิดแล้วคิดอีก ดันมี ‘พ่อคนขี้ลืม’ เผลอยกกล่องเงินสดๆ 12 ล้านบาท ที่น้ำหนักราว 12 กิโลกรัม ไปทิ้งขยะหน้าตาเฉย เหตุเพราะจะซ่อมห้องน้ำคอนโดฯ
ชายขี้ลืมเจ้าของกล่อง 12 กก. อย่าง ‘ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว’ ที่เดิมโนเนมเหมือนอยู่ในที่มืด กลายเป็นคนดังกลางสปอตไลท์แบบเลี่ยงไม่ได้
แล้วยังกลายเป็นกฐินสามัคคี ที่ทุกองคาพยพต้องร่วมด้วยช่วยกันเข้ามาตรวจสอบ เพราะน่าสนใจในระดับส่องจากดาวอังคารก็เห็น ‘พิรุธ’
ทั้งทีม 3 สาว ‘รักชนก-พนิดา-ภคมน’ แห่งพรรคประชาชน หรือ 3 ป. ‘ป.ป.ช.-ป.ป.ท.-ปปป.’ แห่งวงการตรวจสอบ
แม้เจ้าตัวจะอ้างว่า เงินสด 12 ล้านบาท เป็นค่าวิชาชีพทนายความ หรือค่าที่ปรึกษาหน่วยงานรัฐ-เอกชน ช่วงตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่ว่ากันเรื่องทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ 5 ปี 10 กว่าล้าน
แต่ก็ยากจะเชื่อว่า จะมีใครซุกเงินสดๆ มากมายขนาดนี้ไว้กับตัว หรือแม้แต่ซุกไว้ในคอนโดฯก็เถอะ ด้วยเหตุผลว่า ต้องใช้จ่าย ที่ใครฟังก็ร้อง ห๊ะ!
ล่าสุดงานเข้า ‘เมียสุดที่รัก’ ที่เป็นถึงระดับ ผู้อำนวยการส่วน ในสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ต้องตกพุ่มซวยไปด้วย เมื่อถูกสั่งตรวจสอบเชิงลึก เนื่องจากไม่เคยปรากฎยอดเงินดังกล่าวในการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯที่ผ่านมาเลย
เช่นเดียวกับที่ ‘อาณาจักรแสนล้าน’ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่โดยธรรมชาติก็มีแต่เรื่อง จน ‘ซอยสายลม’ ไม่เคยสงบได้นานอยู่แล้ว
ยังต้องมาโดยลูกหลงระดับ ‘ลมกรรโชก’ ไปกับ ‘ทวีวัฒน์’ ผู้ระบุวิชาชีพ ทนายความ ที่มีความผูกพันกับ กสทช.มาอย่างยาวนาน ทุกวันนี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากรรมการ กสทช. (ต่อพงศ์ เสลานนท์) รวมทั้งเป็นอนุกรรมการใน กสทช.อีกหลายต่อหลายชุด
ไล่นับนิ้วย้อนประวัติ ‘ทวีวัฒน์’ แล้ว จะเห็นถึงความผูกพัน ความทุ่มเท ที่มีให้กับองค์กร กสทช. ทั้งคว่ำหวอด ทั้งป้วนเปี้ยนอยู่ใน ‘ซอยสายลม’ มาเกินกว่า 15 ปี ที่หากไม่รัก กสทช.จริง คงไม่อยู่โยงมาได้ยาวนานขนาดนี้
หรือหลายคนก็คงคิดในใจว่า ‘ใคร’ ส่งมา ‘เฝ้า’ อะไรหรือเปล่า
พอเห็นประวัติการดำรงตำแหน่งในหลายอนุกรรมการสำคัญๆของ ‘ทวีวัฒน์’ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดา ไล่เรียงโดยสังเขป ตั้งแต่อนุฯศึกษาการควบรวม TRUE-DTAC ที่เขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ เมื่อเป็น ‘คนเดียว’ ในสำนักงานที่เห็นว่า กสทช. มีอำนาจแค่ ‘รับทราบ’ เท่านั้น ไม่มีอำนาจห้ามควบรวม
อนุกรรมการเพื่อติดตามและประเมินผลการรวมธุรกิจ TRUE และ DTAC ตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม
อนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กสทช.จ่าย 600 ล้านบาท สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกฟรี ที่เกี่ยวข้อง TRUE, อนุกรรมการกองทุน USO และกองทุน กทปส. ซึ่งมีหน้าที่กลั่นกรองผลประโยชน์หลายหมื่นล้านบาท
ขณะที่ ‘กสทช.ต่อพงศ์’ ซึ่งตั้ง ‘ทวีวัฒน์’ มาเป็นที่ปรึกษา ก็เคยได้รับการแต่งตั้งจากเครือ CP เป็น 1 ใน 7 คณะที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน ก่อนลาออกมารับตำแหน่ง กสทช
‘ทวีวัฒน์’ เองครั้งหนึ่งในชื่อ ‘ทวีเดช เส้งแก้ว’ เคยลงสรรหาเป็น กสทช. ผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้าย ให้ สนช.ช่วงรัฐประหารพิจารณา แต่ก็ถูกตีตกไปอย่างน่าเสียดาย
<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>
MBK คอนเน็กชัน ในกองทุนฯพลังงาน
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนฯเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล
เป็นการเรียกประชุมแบบ ‘เร่งด่วน’ ประชุมกันเงียบๆ ไม่เอิกเกริก เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินกองทุน 3,500 ล้านบาท ที่กองทุนฯ มีหน้าที่จะต้องพิจารณาให้กับโครงการที่ขอเงินมา ซึ่งควรจะต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์นานแล้ว เพื่อให้หน่วยราชการและเอกชนที่สนใจจะขอทุน ได้เตรียมตัว
แต่เรื่องก็ถูกรัฐมนตรี ‘เก็บ’ ไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม จนเหลืออีก 3 เดือนจะหมดปีงบประมาณ จึงค่อยเรียกประชุม โดยมีกำหนดการว่า ประชุมเสร็จวันนี้ จะออกประกาศหลักเกณฑ์พรุ่งนี้เลย
ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เร่งรีบ รวบรัดผิดสังเกต เงินตั้ง 3,500 ล้านบาท ควรจะมีเวลาให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาให้รอบคอบ
เรื่องที่คนในกระทรวงพลังงาน‘ซุบซิบ’ กันคือ ก่อนหน้านี้พีระพันธุ์สั่งให้กันเงิน 400 ล้านบาท จากทั้งหมด 3,500 ล้านบาท ให้กับโครงการที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน เป็น‘โครงการสาธิต’ในพื้นที่เฉพาะ และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย
เป็นการกำหนดคุณสมบัติที่ค่อนข้าง‘เฉพาะเจาะจง’ เหมือนกับ ‘ล็อกสเปก’
เทคโนโลยีใหม่ที่ว่า น่าจะเป็นเรื่องของโซล่าร์เซลล์ ที่พีระพันธุ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทั้งการผลักดันร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และ นโยบาย ผลิตแผงโซล่าร์ราคาถูกให้คนไทยใช้ ซึ่งยังไม่เห็นผลในทางปฏิบัติแต่อย่างใด
เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปว่า เงินกองทุน 400 ล้านบาทนี้ โครงการของใครจะได้รับการสนับสนุน ซึ่งด่านแรกคือคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ทำหน้าที่‘กลั่นกรอง’ โครงการที่จะได้รับเงิน
คณะอนุกรรมการชุดนี้ พีระพันธุ์แต่งตั้งให้ ‘อธึก อัศวานนท์’ หัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายกฎหมาย‘เครือซีพี’ และเป็นที่ปรึกษาของพีระพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งสร้างความ‘สนเท่ห์’ ให้คนในวงการพลังงานว่า ทำไมไม่ให้ข้าราชการกระทรวงพลังงาน ที่ไม่มีส่วนได้เสียเป็นประธาน ทำไมไปตั้งเอกชนคนซีพี มาคัดเลือกโครงการขอเงินจากกองทุนฯซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
โครงการที่คณะอนุกรรมการชุดนี้ ให้ผ่านจะต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นขั้นสุดท้าย คณะกรรมการที่พีระพันธุ์ เป็นประธาน นอกจากกรรมการที่มาจากข้าราชการจากหน่วยงานด้านพลังงานและยังมีผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คนที่แต่งตั้งโดยพีระพันธุ์
คนหนึ่งคืออธึก ที่เป็นทั้งบอร์ดใหญ่ บอร์ดเล็ก อีกคนคือ ‘สุเวทย์ ธีรวชิรกุล’
สุเวทย์ เป็นลูกหม้ออายุงานยาวนานถึง 33 ปี ของ ‘บริษัท เอ็มบีเค’ เจ้าของศูนย์การค้ามาบุญครอง เกษียณจากซีอีโอ ไปเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ยังเป็นรองประธานกรรมการอยู่ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ถือหุ้นของ ‘บริษัทพี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)’ ผู้ผลิตข้าวมาบุญครอง
นอกจากขายข้าวแล้ว พีอาร์จี ยังมีธุรกิจโซล่าร์ด้วยคือ บริษัท พี อาร์ จี โกลบอล เอ็นเนอร์ยี จำกัด เป็นผู้ติดตั้ง และบริหารไฟฟ้าระบบโซล่าร์เซลล์ให้ธุรกิจในเครือมาบุญครอง
ทำไมถึงตั้งสุเวทย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้า มาเป็นบอร์ดกองทุนพลังงาน ก็เพราะว่า ตัวพีระพันธุ์เองก็มีความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นและประธานกรรมการเอ็มบีเคคือ ‘ศุภเดช พูนพิพัฒน์’ และสุภาพสตรีที่ทำหน้าที่เสมือน‘เลขาประจำกาย’ ก็เคยเป็นPR ของมาบุญครอง
นักการเมืองกับกลุ่มทุน มีความสัมพันธ์ มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน เป็นเรื่องปกติ ประชาชนต้องรู้ทัน ไม่หลงใหลไปกับภาพลักษณ์ที่สวยงาม
<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>