บริษัทอย่างน้อย 5 แห่งจากจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกงกำลังวางแผนทำ IPO (การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สองแห่ง หรือเสนอขายหุ้นในสิงคโปร์ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากบริษัทจีนกำลังมองหาการขยายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าโลก
บริษัทเหล่านี้ได้แก่ บริษัทพลังงานของจีน กลุ่มดูแลสุขภาพของจีน และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพในเซี่ยงไฮ้ แหล่งข่าวปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อบริษัทเนื่องจากแผนยังไม่แล้วเสร็จ
การจดทะเบียนดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดหลักทรัพย์ ‘Singapore Exchange Ltd’ (SGX) เติบโต ซึ่งแม้จะเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเล่นหุ้นเพื่อผลตอบแทน เช่น กองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่กลับต้องดิ้นรนเพื่อดึงดูดการจดทะเบียนจำนวนมากและสนับสนุนปริมาณการซื้อขาย
ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า SGX เสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกเพียง 4 ครั้งในปี 2024 เมื่อเทียบกับการจดทะเบียนบริษัทใหม่ 71 บริษัทที่จดทะเบียนโดยตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเคลียริ่ง (0388.HK) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์คู่แข่งในภูมิภาค
“บริษัทต่างๆ ของจีนกำลังมองหาช่องทางในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เนื่องจากต้องการเข้าสู่ หรือขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ” เจสัน ซอว์ หัวหน้ากลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนที่ CGS International Securities กล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% และจีนก็ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงลดภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ เนื่องด้วยระยะเวลาจำกัดและความไม่แน่นอนของรัฐบาลทรัมป์
“ในช่วงหลายปีและทศวรรษต่อจากนี้ ช่องทางจากจีนสู่โลกภายนอกจะมีความสำคัญมากขึ้น สิงคโปร์เป็นช่องทางที่สำคัญ...” พอล เดอ วิน กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายขายและการสร้างแบรนด์ระดับโลกของ SGX กล่าว แต่ไม่ได้กล่าวถึงแผนการจดทะเบียนของบริษัทในจีนและฮ่องกง
โดยปกติแล้ว SGX ไม่ใช่ตัวเลือกแรกสำหรับบริษัทจีนที่ต้องการเปิดตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่เลือกฮ่องกงเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากจีน และมีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจำนวนมากที่คุ้นเคยกับแบรนด์จีนมากกว่า
ริงโก ชอย หัวหน้าฝ่าย IPO ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทตรวจสอบบัญชี ‘Ernst & Young’ กล่าวว่า “แผนริเริ่มดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นความสนใจในตลาด IPO ในท้องถิ่น เสถียรภาพทางการเมืองและจุดยืนที่เป็นกลางของสิงคโปร์ในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์น่าจะดึงดูดบริษัทต่างๆ ได้”
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมากนักที่มองว่าสิงคโปร์จะปิดช่องว่างกับฮ่องกงในการจดทะเบียนหุ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น นักลงทุนของสิงคโปร์ที่ค่อนข้างอนุรักษนิยมและข้อกำหนดการจดทะเบียนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
“คุณต้องทำให้บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี สามารถจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น บริษัทสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ดังนั้นนี่จึงควรเป็นสถานที่ที่พวกเขาจดทะเบียนอยู่” กรรมการผู้จัดการไม่เปิดเผยชื่อของบริษัทซอฟต์แวร์ข้ามชาติที่มีฐานอยู่ในสิงคโปร์ กล่าว
(Photo by Roslan RAHMAN / AFP)