‘สรวงศ์ เทียนทอง’ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ‘ไชยชนก ชิดชอบ’ สส.บุรีย์รัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาไม่เห็นด้วยดับกาสิโน ว่า อย่างที่ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพูด ว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของไชยชนก และจะมีการพูดกันภายในพรรคภูมิใจไทย โดยให้ทางพรรคเขาพูดคุยกันเอง ซึ่งส่วนตัวก็สบายใจที่อนุทินออกมาพูดว่า สิ่งที่ไชยชนกพูดไม่ใช่มติพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่คนที่พูดเป็นถึงเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นรองแค่หัวหน้าพรรค สรวงศ์ กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ยังเป็นรองกว่าหัวหน้าพรรค ส่วนตัวฟังหัวหน้าพรรค เมื่อถามว่า ไม่จำเป็นต้องมาเคลียร์กันอีกครั้งใช่หรือไม่ สรวงศ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะการพูดในสภาเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. และสิ่งที่ไชยชนกพูดก็เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ แต่ท่านอาจมีความกดดัน หรือเป็นความคิดส่วนตัวที่ไม่สนับสนุน แต่อย่างที่บอกต้องมีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า จะต้องมีการยื่นคำขาดไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ สรวงศ์ กล่าวว่า การอยู่ร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างพรรค การเมือง ความคิดอาจไม่ได้เห็นเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วต้องมีการพูดคุยกัน และไปในแนวทางเดียวกัน เมื่อถามย้ำว่า จะต้องมีการกดดันให้พรรคภูมิใจไทยแสดงสปิริตหรือไม่ สรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ซึ่งเหมือนพรรคเพื่อไทยเองที่มีสมาชิกบางคนออกไปแสดงความคิดเห็น ถือเป็นเอกสิทธิ์ อาจจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจหรือความคิดเห็นส่วนตัว แต่ด้วยความเป็นพรรคการเมืองแล้วมติพรรคสำคัญ
เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคบางคนในพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล สรวงศ์ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ การอยู่ร่วมกันต้องคุยกัน อย่างที่บอกบางท่านอาจจะมีความคิดเห็นว่า เมื่อไม่อยากอยู่ก็ออกไปเลย แต่ด้วยเสถียรภาพของรัฐบาล อย่างไรเราต้องอยู่ด้วยกัน ย้ำว่าจะต้องมีการพูดคุยกันมากกว่าเมื่อถามอีกว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคภูมิใจไทยขอโทษ แล้วถือว่าจบหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ท่านหัวหน้าพรรคบอกจบ ก็คือจบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ สรวงศ์ กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายกฯ เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะจับมือกันยาวๆ หรือไม่สรวงศ์ กล่าวว่า "ถ้าอย่างที่นายกฯและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้สัมภาษณ์ร่วมกัน ก็ใช่ครับ" เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ทั้ง ‘พิชัย ชุณหวชิร’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ ‘พิชัย นริพทะพันธุ’' รมว.พาณิชย์ สรวงศ์ กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ เพราะการปรับครม.ส่วนตัวไม่ทราบ ส่วนจะปรับเร็วๆ นี้หรือไม่ ก็ไม่ทราบเช่นกัน
เผยคืบหน้าต่อสัญญา ‘โมโตจีพี’ ย้ำ ไม่เกี่ยวการเมือง ขอเลิกพูดแลกกาสิโน
ในฐานะ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยการต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพี ว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งอยากให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่านี้ การเป็นกีฬาอาชีพเมื่อรัฐช่วยตั้งไข่ขึ้นมาแล้ว จัดมาแล้ว 7 ปี ภาคเอกชนต้องเข้ามา เมื่อดูจากตัวเลขยอดผู้ชมและเม็ดเงินที่ทำได้ในช่วงแข่งขันโมโตจีพี มองว่าถ้าภาคเอกชวนมีส่วนร่วมมากกว่านี้รัฐไปได้แน่นอน แต่ทั้งหมดอยากให้เกิดขึ้น แต่รัฐต้องจ่ายเงินน้อยลงกว่านี้
เมื่อถามว่า มีการมองเรื่องนี้เชื่อมโยงกับการเมือง สรวงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยว การเมืองคือการเมืองอย่าเอาไปปนกัน กีฬาคือกีฬา สิ่งที่เป็นอีเวนต์ลักษณะนี้เหมือนกับที่ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พูดว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็แล้วแต่ พูดง่ายๆ เราเป็นลูกค้าเก่าจะต่อสัญญาก็ต้องคุยกันว่ามีอะไรบ้าง มีอะไรที่จะเอื้อให้กับคนไทยบ้าง ค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นปีละ 5% เราต่อรองได้หรือไม่ แค่นี้เอง ไม่มีอะไร
”ยืนยันไม่เกี่ยวจะถูกนำไปต่อรองกับกาสิโน ไม่เกี่ยวเลย ไม่เกี่ยวหรอกครับ จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย และเลิกพูดเสียที กฎหมายกาสิโน เพราะมันคือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ขอให้ดูที่ 90% อย่าดูที่ 10% เพราะมันเป็นแค่กฎหมาย ซึ่งในนามรัฐบาลออกกฏหมายมาเพื่อจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่ว่ารัฐจะไปสร้างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ มันเป็นกรอบกฎหมายเพื่อรองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาเสนอ ถ้านักลงทุนสนใจก็สนใจ ถ้าไม่สนใจก็ไม่มี“
— สรวงค์ กล่าว
สรวงศ์ กล่าวว่า โมโตจีพีจะต้องมาก่อน F1 เพราะ F1 อยู่ระหว่างทำเอ็มโอยู ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง F1 กำลังมองหา street circuit ซึ่งจากประสบการณ์ของ F1 ที่มีการพูดคุยกันที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศและบริษัท F1 เอง มันต้องเป็น street circuit เพราะการแข่งในสนามเมื่อแข่งเสร็จก็จบ ไม่ได้มีกิจกรรมต่อ โดยการพูดคุยกับ F1 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งจะมีการขยับเวลาไปเป็นปี 2028