ตรีพล ตุ้ยเรือน ผู้ผลิตสุราชุมชน ‘สามจอก’ อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เปิดเผยถึงตลาดสุราชุมชน หรือสุรากลั่นพื้นบ้าน และที่ชาวบ้านคุ้นเคยในชื่อ ‘เหล้าขาว’ ว่า จังหวัดแพร่เป็นฐานผลิตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีทั้งโรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นมาหลายร้อยปี ก่อนที่จะได้รับอนุญาตถูกต้องจากกรมสรรพสามิต จำนวนกว่า 200 แห่งในปี 2545 และกรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีสุราชุมชนในพื้นที่จังหวัดแพร่ล่าสุดปี 2567 ได้มากกว่า 470 ล้านบาท
“ปกติตลาดสุราชุมชนจังหวัดแพร่ จะผลิตส่งขายในร้านขายของชำ และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศกว่าร้อยละ 90 และร้อยละ 10 ขายในพื้นที่จังหวัดแพร่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือจะให้ความนิยมสุราชุมชนมากที่สุด ดังนั้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เข้ามาสืบทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ จึงมีแนวคิดที่จะขยายตลาดให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดสุราคาชุมชน และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์ของจังหวัดแพร่ และประเทศไทย”

ตรีพล ยังบอกอีกว่า โรงอุตสาหกรรมสุรากลั่นชุมชน 2 แห่งในอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ได้ร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาใช้ชื่อแบรนด์ ‘Wang Chin’ โดยผู้ผลิตสุราชุมชน ‘สามจอก’ จะผลิตเป็นขวดเซรามิกสีแดง ขณะที่ผู้ผลิตสุราชุมชน ‘ยามเย็น’ จะผลิตเป็นขวดเซรามิกสีน้ำเงิน
“พวกเราเตรียมนำผลิตภัณฑ์ไปร่วมงานแสดงสินค้าไชน่าอินเตอร์เนชั่นแนลเอสเอ็มอีแฟร์ ที่เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผู้ผลิตสุราชุมชนจังหวัดแพร่ที่จะไปเปิดตลาดในจีน”

ขณะที่ ศาสนพงษ์ สุดซาง ผู้ผลิตสุรากลั่นพื้นบ้าน ’ยามเย็น‘ อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยพะเยาจัดทำโครงการวิจัยการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชีวภาพของจังหวัดแพร่ เพื่อมูลค่าด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และได้คัดเลือกโรงอุตสาหกรรมสุรากลั่นชุมชน ‘สามจอก’ และโรงอุตสาหกรรมสุรากลั่นชุมชน ‘ยามเย็น’ อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เพื่อยกระดับสุราชนชนไปเปิดตลาดในสาธารณรัฐประชาชนจีน

“นักวิจัยมหาวิทยาลัยพะเยา ได้พาไปศึกษาดูงานโรงงานผลิตสุราขาวในจีนหลายแห่ง และไปสำรวจตลาดจีน เมื่อช่วงปลายปี 2567 พบว่า เป็นตลาดใหญ่ ชาวจีนให้ความนิยมดื่มสุราขาวมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้จำนวนมหาศาล โดยทางจีนจะใช้ข้าวฟ่างเป็นวัตถุดิบเป็นหลัก ขณะที่ทางจังหวัดแพร่ จะใช้ข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบหลัก จึงมีความแตกต่างทางด้านรสชาติที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของสุราคาชุม และเมื่อทางจีนได้ทดลองดื่มก็ชื่นชอบสุราชุมชนของจังหวัดแพร่ และสนใจที่จะทำตลาดร่วมกัน”

ศาสนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้เกิดความร่วมมือของผู้ผลิตสุราคาชุมชนในจังหวัดแพร่เป็นครั้งแรก แม้จะนำร่อง 2 ราย เพื่อผลิตสุราชุมชนที่มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นจากข้าวเหนียว และแป้งหมักสูตรเฉพาะของแต่ละแห่ง แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น

“ตอนนี้ได้พัฒนาแพคเกจใหม่ เป็นขวดเซรามิกให้สอดคล้องกับตลาดจีน โดยคาดหวังว่า การนำสินค้าไปเปิดตลาดที่จีนในเร็วๆ นี้ จะช่วยเป็นใบเบิกทางให้สุราชุมชนของจังหวัดแพร่ สามารถทำตลาดส่งออกได้ในอนาคตอันใกล้นี้”

ศุภสัณห์ ศิลป์ชูศรี พาณิชย์จังหวัดแพร่ กล่าวว่า ธุรกิจผลิตสุราชุมชนของจังหวัดแพร่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังสร้างรายได้หมุนเวียนภายในชุมชนเป็นจำนวนมาก
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ตลอดจน เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ ผลิตจากแป้งข้าวเหนียวและแป้งหมักสูตรเฉพาะ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันขึ้นทะเบียนเป็น GI หากว่าเกิดเป็นรูปธรรมแล้ว จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสุราชุมชนได้ และยังเพิ่มโอกาสในการนำสินค้าไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย”
