กระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง เชื่อมั่นกระตุ้นท่องเที่ยวปีละหมื่นล้าน

3 มิ.ย. 2568 - 07:08

  • ภาคธุรกิจขานรับโครงการกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูกระดึงเชื่อสร้างงานสร้างได้ให้พื้นที่

  • อพท.เดินหน้าตามแผนใช้งบก่อสร้างพันล้าน คาดแล้วเสร็จปี 2570

  • ตัวแทนลูกหาบยอมรับต้องปรับตัว เพราะจำนวนสมาชิกลดลงจากปัญหาสุขภาพ

กระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง เชื่อมั่นกระตุ้นท่องเที่ยวปีละหมื่นล้าน

ในที่สุดก็มีความชัดเจนสำหรับโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย หลังจาก สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีกว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงความคืบหน้าดำเนินโครงการ พร้อมเปิดไทมไลน์ 8 ขั้นตอน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทันฤดูหนาวปลายปี 2570 โดยจะใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ไม่รวมงบศึกษาและออกแบบอีก 28 ล้านบาท โดยให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เป็นเจ้าภาพกลางในการดำเนินงาน

 

ธรรมนูญ ภาคธูป ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย(ผอ.อพท.เลย) กล่าวว่า หลังจาก รัฐมนตรีกว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงความคืบหน้า ก็จะเดินทางลงมาดูพื้นที่ โดยเส้นทางก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง มีระยะทางรวม 4 กิโลเมตร โดยสถานีต้นทางอยู่ที่บ้านห้วยเดื่อ ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย  ก่อสร้างเสาทั้งหมด 12 ต้น ใช้พื้นทำตอม่อขนาด 6 คูณ 6 เมตร มีกระเช้า 32 ตู้ บรรจุได้ตู้ละ 8 คน คาดว่าจะรองรับนักท่องเที่ยวได้ 5 พันคนต่อวัน สามารถขึ้นลงภูกระดึงได้ภายในวันเดียวโดยไม่ต้องค้างคืน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาชมธรรมชาติอันสวยงาม

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo08.jpg

ธรรมนูญ ภาคธูป ผอ.อพท.เลย กล่าวอีกว่า สำหรับระยะเวลาดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ 8 ขั้นตอนคือ ในระยะที่ 1 (ขั้นตอนที่ 1-3) ใช้เวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 10 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 – มีนาคม 2569 จะเป็นการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างละเอียด โดยศึกษาครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และวิถีชุมชน มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเปิดกว้าง รวมถึงภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo04.jpg

ระยะที่ 2 (ขั้นตอนที่ 4-6) ใช้เวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 5 เดือน (เมษายน - สิงหาคม 2569) เข้าสู่กระบวนการยื่นเสนอรายงาน EIA ซึ่งจะต้องทำการเสนอกับสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ล้วนประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเป็นอิสระและมีความเป็นกลางอย่างสูงในการพิจารณา ก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี รวมถึงขออนุญาตการก่อสร้างต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  

 

ระยะที่ 3 (ขั้นตอนที่ 7-8) ใช้เวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 15 เดือน (กันยายน 2569 – พฤศจิกายน 2570) เข้าสู่ขั้นตอนของการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างโดยประมาณ 12 เดือน ถ้าเป็นไปตามแผนทุกอย่างคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2570

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo09.jpg

“ถ้าหากสร้างกระเช้าไฟฟ้าเสร็จ ก็มีเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาภูกระดึงมีคนขึ้นมาท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละ 60,000 คน เฉลี่ยอายุไม่เกิน 40 ปี ขึ้นไปแล้วต้องค้างคืน เพราะเดินขึ้นลงภายในวันเดียวไม่ไหว พอมีกระเช้าสามารถขึ้นไปศึกษาธรรมชาติ แล้วมาพักค้างแรมในเมืองเลย ทำให้เกิดการกระจายรายได้”

 

ส่วนหลายฝ่ายที่เป็นห่วงเรื่องลูกหาบจะตกงานหรือไม่ ธรรมนูญ ภาคธูป ผอ.อพท.เลย อธิบายว่า ทาง อพท.ก็ได้หาทางออกร่วมกัน ยืนยันว่า จะไม่มีใครตกงานแน่นอน แต่อาจจะต้องปรับตัวโดยจะมีการจ้างลูกหาบ หาบสินค้าตามจุดขนถ่ายสินค้า

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo06.jpg

“แม้กระเช้าขึ้นไปบนภูได้ก็จริง แต่กระเช้าก็ไม่สามารถไปได้ทุกที่ ซึ่งต้องใช้บริการลูกหาบอยู่ดี และที่สำคัญจุดที่ขึ้นภูกระดึงกับจุดบริการกระเช้าไฟฟ้า อยู่ห่างกัน3กิโลเมตร ซึ่งการดูแลลูกหาบทาง อพท.ได้คุยกัน มีแนวคิดสร้างว่าจะตั้งกองทุนฝึกอาชีพเยียวยาลูกหาบ หรือคนที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ ก็มีการฝึกอาชีพอย่างอื่น เพื่อทำงานบริการนักท่องเที่ยว ยืนยันว่าเราจะไม่ทิ้งลูกหาบไว้ข้างหลังแน่นอน”

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo11.jpg

ด้าน ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. กล่าวว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงคาดหวังว่า จะได้ปักเสาต้นแรกในรัฐบาลนี้ ซึ่งมีผลดีต่อเศรษฐกิจ สามารถยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้กับจังหวัดเลย ทำให้มีแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการจัดการขยะด้านบนเขาลำเลียงลงมาเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและเจ้าที่อุทยานด้วย เกิดการสร้างงานทั้งบนดอย และด้านล่าง

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo03.jpg

“นอกจากนี้ยังจะมีแรงเหวี่ยงไปทั่วจังหวัดเลย จังหวัดใกล้เคียงก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจาก สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป ที่มาเที่ยวลาวแล้วเดินทางมาเที่ยวต่อที่เลย ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกัน จากนี้ไปพี่น้องคนไทยไม่ต้องตัดพ้ออีกแล้วว่า จะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าต้องไปที่เวียดนาม มาเลเซีย เราจะได้มีกระเช้าเป็นของเราเอง” 

 

ด้าน ณัฐพล เหลืองวงศ์ไพศาล ประธานหอการค้า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 5 จังหวัด และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดเลย กล่าวด้วยว่า ภาคธุรกิจไม่ได้มองแค่กระเช้าขึ้นภูกระดึงอย่างเดียว เพราะเป็นกระเช้าแห่งแรกของประเทศไทย เรื่องที่สองไม่ใช่แค่กระเช้าที่จะนำคนขึ้นจากตีนภูขึ้นบนภู สิ่งที่จะตามมาคือต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก  ที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นเศรฐกิจ เพราะคนจะขึ้นภูกระดึงได้ง่ายขึ้น

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo02.jpg

“เชื่อว่าเมื่อผ่านขั้นตอนการทำอีไอเอแล้ว จะมีข้อมูลว่าคนที่จะไปพักค้างคืนบนภูกระกี่คน คนที่ไปเช้าเย็นกลับกี่คน เพราะคนเหล่านี้มาใช้จ่ายที่ตีนภู ก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี คงไม่ใช่เฉพาะอำเภอภูกระดึง จ.เลย แต่เชื่อว่าในเขตภาคอีสานตอนบนและจังหวัดใกล้เคียง จะได้รับอานิสงส์จากการสร้างกระเช้า”

 

ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 5 จังหวัด ยังกล่าวว่าอีกว่า ปัจจุบันรายได้จากการท่องเที่ยวและการเกษตรของ จ.เลย ได้ปีละ 4-5 พันล้านบาท เชื่อว่าถ้ากระเช้าภูกระดึงสร้างเสร็จ รายได้ของจังหวัดเลยจะพุ่งไปถึงปีละ 1 หมื่นล้านบาท จากตัวเลขที่รัฐบาลแถลงว่า จะมีนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นลงประมาณ 5 พันคน อาจจะพักแรมด้านบนแค่ 1-2พันคน นอกจากนั้น ก็จะกระจายตัวมาพักจับจ่ายใช้สอยในพื้นราบ ทำให้เกิดรายได้กระจายตัว

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo12-1.jpg

“สำหรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในเลย ปัจจุบันประมาณ 3% ส่วนใหญ่เป็นชาว สปป.ลาว ส่วนจีน เกาหลี รัสเซีย ยังน้อยมาก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเลยก็มีให้เลือกท่องเที่ยวได้หลากหลายทั้งธรรมชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และผจญภัย ที่มีชื่อเสียงและคนรู้จักคือเชียงคาน ประเพณีผีตาโขน แห่ต้นดอกไม้ใหญ่ที่สุด มีแห่งเดียวในโลก”

 

“ในห้วงภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้รวดเร็วที่สุด ส่วนตัวมองว่าเงินที่ลงทุนไปประมาณพันล้านบาท ตามที่รัฐบาลแถลง ยังถือว่าน้อย ถ้ากระเช้าภูกระดึงประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว หลายจังหวัด หลายภูมิภาค อาจจะได้นำกระเช้าภูกระดึง ไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยหรือในพื้นที่นั้นๆ อีกด้วย”

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo12.jpg


spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo13.jpg

ขณะที่ บุญหอง จันทาศรี ประธานผู้ประกอบการลูกหาบภูกระดึง มองว่า การสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง โดยเฉพาะบรรดาลูกหาบ ซึ่งอาจจะต้องปรับตัวสภาพ แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหาลูกหาบไม่เพียงพอต่อนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ซึ่งปัจจุบันมีลูกหาบที่ประมาณ 200 กว่าคน อีกทั้งลูกหาบส่วนใหญ่ก็อายุมาก หมดเรี่ยวแรงตามวัย ไม่มีลูกหลานมาสืบทอด ถ้าหากรัฐบาลนี้จะเดินหน้าจริงจัง คงคัดค้านอะไรไม่ได้

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo01.jpg

“ในฐานะที่ผมเองเป็นลูกหาบที่ภูกระดึงมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันอายุ 50 ปี เห็นการพูดถึงการสร้างกระเช้าไฟฟ้ามาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนสร้างได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีแนวคิดตั้งแต่ปี 2525 ผ่านมากว่า 43 ปี ยังสร้างไม่สำเร็จ ก็ต้องรอดูว่าจะทำเสร็จตามไทม์ไลน์ที่ประกาศออกมาหรือไม่”

spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo16.jpg


spacebar-big-city-northeastern-cableccar-phu-kradueng-tourism-SPACEBAR-Photo15.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์