ผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้น รวมตัวประท้วงบริเวณเส้นทางเขาพับผ้า-อันดามันเกตเวย์ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง กับ อ.นาโยง จ.ตรัง ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อคัดค้านคำสั่งของกรมการขนส่งทางบก ที่ห้ามรถโดยสาร 2 ชั้นใช้เส้นทางดังกล่าว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
ศักดา จริงจิตร ผู้ประกอบการรถประจำทางสาย 775 เส้นทาง ภูเก็ต - เบตง เปิดเผยว่า ในส่วนของจังหวัดตรัง-พัทลุง ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เพชรเกษม ช่วงบนเขาพับผ้า เขต จ.พัทลุง ตั้งแต่ กม.1134+000 ถึงกิโลเมตรที่ 1139+000 เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่กระทรวงคมนาคมได้ห้ามรถโดยสารสาธารณะสองชั้น วิ่งขึ้นลงเขาพับผ้า อ้างว่าไม่มีความปลอดภัย ทั้งที่ความยาวถนนที่เป็นทางลาดชันตามเกณฑ์นั้น จะมีความลาดชัน 8% ถนนที่ลาดชันยาว 5 กิโลเมตร แต่เขาพับผ้า ช่วง จ.พัทลุง มีความลาดชัน 8% แต่ถนนยาว 300-500 เมตรเท่านั้น

การสั่งหยุดเดินรถครั้งนี้ ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำเส้นทางหรือป้ายหมวด 10 ซึ่งมีรถวิ่งด้วยกัน 4 สาย คือ ภูเก็ต-เบตง , ภูเก็ต-สุไหงโกลก, ภูเก็ต - หาดใหญ่ และภูเก็ต-พัทลุง เส้นทางนี้ มีผู้โดยสารจำนวนมาก เพราะเป็นเส้นทางเชื่อมสองฝั่งของภาคใต้ คือ ฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย เมื่อกรมการขนส่งทางบก มีคำสั่งเช่นนี้ จึงส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการ ทำให้ต้องหยุดเดินรถทันที ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา และผู้โดยสารรถเส้นทางนี้ ได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีรถวิ่งให้บริการ
“ในส่วนของผู้ประกอบการ เตรียมเคลื่อนไหวที่จะฟ้องต่อศาลปกครอง เพราะได้รับผลกระทบจากคำสั่ง และกรมการขนส่งทางบก ไม่ได้มีมาตราการรองรับไว้ล่วงหน้า ซึ่งวันที่ 7 มิถุนายนนี้ เป็นวันรายอของชาวมุสลิมที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งได้ขายตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว มีผู้โดยสารจองตั๋วรถล่วงหน้าไว้เต็มจำนวนใน 3 วัน เมื่อมีคำสั่งนี้ออกมา ผู้โดยสารก็ได้รับผลกระทบไม่สามารถเดินทางได้ เพราะกรมการขนส่งสั่งห้าม จึงต้องหยุดวิ่งและให้ผู้โดยสารคืนตั๋ว”

ศักดา ระบุอีกว่า จากเหตุการณ์นี้ได้ร้องเรียนไปยังสายด่วน 1584 และทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจึงยื่นอุทธรณ์ไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอีก จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 มิถุนายนเมื่อไม่มีความชัดเจน ก็ต้องหยุดเดินรถ
“ก่อนยื่นหนังสือขอให้ทบทวนมติฯ ได้ไปสอบถามแขวงทางหลวงพัทลุง จึงได้รับข้อมูลรายละเอียดเป็นเอกสาร ระบุความสูง 8% ความลาดชันของหลักกิโลเมตรที่จังหวัดพัทลุง เป็นผู้รับผิดชอบ มีความชันช่วงที่ 1 ขึ้น 200 เมตร ลง 300 เมตร และช่วงที่ 2 ขึ้น 400 เมตร ลง 250 เมตร ซึ่งได้ส่งเอกสารนี้ ไปยังประธานคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางแล้ว”

“ตั้งแต่ขยายถนนเส้นทางเขาพับผ้า เป็นถนน 4 ช่องจราจร เป็นถนนที่เดินทางได้สะดวกปลอดภัยว่าถนนเดิม ที่มีเพียง 2 จราจร โดยได้รับใบอนุญาตเดินรถมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีรถโดยสารประจำทาง ประสบอุบัติเหตุบนเส้นทางเขาพับผ้าแม้แต่ครั้งเดียว โดยรถที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย จะเป็นรถส่วนบุคคลและรถบรรทุก ซึ่งใช้ความเร็วสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด”
สุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก ไม่ได้มาสำรวจเส้นทางจริง และยืนยันว่า เส้นทางนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อห้าม เพราะความชั้น 8% แต่ระยะทางไม่ถึง 5 กิโลเมตร โดยเขาพับผ้า ช่วง จ.พัทลุง มีความลาดชัน 8% ของช่วงถนนยาว 300-500 เมตรเท่านั้น

“เมื่อรถวิ่งลงเนิน ก็ต้องขึ้นเนินสลับกัน ถือว่า มีปลอดภัยสูง การออกแบบถนนทำได้ดีมาก ดังนั้นทางสมาคมฯ จะผลักดันให้กรมการขนส่งทางบก ยกเลิกเส้นทางสายเพชรเกษม 4 ช่วงเขาพับผ้า เขตพัทลุง เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์”
นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย กล่าวอีกว่า สมาคมมีสมาชิกและรถโดยสารไม่ประจำทางร่วม 4,800 คัน วันที่ 6 มิถุนายนนี้ จะฟ้องต่อศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราวเพื่อชะลอคำสั่งออกไปเพื่อให้รถสามารถวิ่งได้ก่อน และวันที่ 18 มิถุนายน จะนำรถทั้งประเทศไปให้กรมการขนส่งทางบกตรวจสภาพว่า ไม่ปลอดภัยอย่างไร

“ในเมื่อกรมการขนส่งทางบก เป็นคนเขียนแบบและอนุมัติแบบมาให้ผู้ผลิตรถ แล้ววันนี้ทำไมรถไม่ปลอดภัย หากรัฐบาลยังใช้ความเชื่อ ไม่ใช้หลักสถิติ ก็ขอให้รัฐจัดงบซื้อรถ 2 ชั้นไปให้หมด พวกเราจะได้นำเงินที่ได้ ไปซื้อรถชั้นเดียวมาใช้เพื่อความปลอดภัยตามที่รัฐบบาลเห็นชอบแทน”
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า การรวมตัวในครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ที่ต้องการสะท้อนเสียงของผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบาย โดยหวังให้ภาครัฐรับฟังและร่วมกันหาทางออก ซึ่งต่อมา พันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปรับหนังสือข้อเรียกร้องจากสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทยและผู้ประกอบการภาคบริการ เพื่อนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

