เครือสหพัฒน์วางแผน 3 ปี เปลี่ยนค้าปลีกจากอนาล็อกสู่ดิจิทัล ร่วมกับอะเมซอน ช่วยเปลี่ยนผ่าน ย้ำชัดเจนต้องเปลี่ยน การซื้อมาขายไปแบบเดิมไม่ได้แล้ว ตั้งเป้าบริษัท EDTH จะใหญ่กว่าเครือสหพัฒน์ในอนาคต
‘ต่อจากนี้อีก 5 ปี ธุรกิจอีคอมเมิร์ช จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจการซื้อมาขายไปเหมือนเครือสหพัฒน์ที่เติบโตในยุคอนาล็อค’ ประธานเครือสหพัฒน์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนาอธิบายให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจค้าปลีก แบบดั้งเดิมที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เครือสหพัฒน์ ได้ตั้งบริษัท อี-คอมเมอร์ช ดิจิทัล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (EDTH) เพื่อเปลี่ยนแปลงการค่าปลีกยุคใหม่ และได้มีการประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านเครือสหพัฒน์เข้าสู่ดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีจาก AWS เช่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง
บุณยสิทธิ์ บอกด้วยว่า อะเมซอนคือธุรกิจค้าปลีก และเริ่มดำเนินการกิจการตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งการร่วมมือกับอะเมซอนครั้งนี้ ถือว่าช้าเกินไป เพราะตามหลังอะเมซอนมากกกว่า 20 ปี และการร่วมงานกันเป็นสิ่งที่น่ายืนดีมาก
ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทกำหนดเป็นแผนงาน 3 ปี เริ่มปี 2568-2570 ครอบคลุมการให้บริการด้าน AWS Cloud โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างเสถียรภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศในเครือสหพัฒน์ให้แข็งแกร่งขึ้น และเป็นตัวเร่งสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

ระยะเริ่มต้นเครือสหพัฒน์จะย้ายระบบบางส่วนขึ้นสู่ AWS ASIA PACIFIC (Thailand) Region จากนั้นเริ่มย้ายระบบ E-Commerce CRM และระบบคลังสินค้า และอะเมซอน วางแผนการใช้ AI ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ในเครือสหพัฒน์ เช่นการตลาด การผลิต การบริการลูกค้า และการใช้ AI ขั้นสูงเพื่อการคาดการณ์และวางแผนเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มสินค้าเครือสหพัฒน์
‘ในอนาคตบริษัท EDTH จะใหญ่กว่า SPI’ ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวย้ำในตอนท้าย
บริษัท อี-คอมเมิร์ซ ดิจิทัล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (EDTH) จดทะเบียนก่อตั้งเดือนสิงหาคม 2519 เป็นบริษัทร่วมทุนของเครือสหพัฒน์ มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล มีบริษัทในเครือสหพัฒน์รวม 9 บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใน EDTH