โรงแรม JW Marriott ทั่วโลกได้ร่วมกันเฉลิมฉลองงาน Summer Solstice Garden Party ครั้งแรกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกิจกรรมระดับโลกที่แบรนด์ริเริ่มขึ้นเพื่อยกย่องวันครีษมายัน ซึ่งเป็นวันที่มีแสงแดดยาวนานที่สุดในรอบปี และเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ และการเริ่มต้นใหม่
สำหรับ JW Marriott Khao Lak Resort & Spa งานครั้งนี้มีความหมายยิ่งขึ้น เนื่องจากตรงกับวันครบรอบ 1 ปีของ JW Garden ซึ่งเป็นฟาร์มต้นแบบขนาดเต็มพื้นที่ถึง 68 ไร่ นับเป็น JW Garden ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และใหญ่ที่สุดนอกประเทศสหรัฐอเมริกา
ช่วงเวลาพิเศษนี้ถ่ายทอดผ่านกิจกรรมช่วงบ่ายและเย็นที่อบอวลด้วยความตั้งใจ โดยเน้นการสร้างประสบการณ์แห่งสติ การเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน และการตระหนักรู้ถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริงตลอดทั้งกิจกรรม แขกผู้เข้าร่วมได้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มจากแรงบันดาลใจธรรมชาติ ณ Yoga Shala ตามด้วยการบำบัดด้วยเสียง (Sound Bath) และการแสดงวาดภาพโดย Ludalet ศิลปินจากภูเก็ต ซึ่งถ่ายทอดพลังของ JW Garden ผ่านงานศิลป์อันมีเอกลักษณ์
การเฉลิมฉลองดำเนินต่อด้วยกิจกรรม JW Garden Story Walk นำโดยเชฟและนักเล่าเรื่อง ที่ร่วมแบ่งปันบทบาทสำคัญของสวนในการขับเคลื่อนแนวทางการบริโภคแบบหมุนเวียนและโครงการความยั่งยืนของรีสอร์ท ช่วงเย็นปิดท้ายด้วยปาร์ตี้กลางสวน พร้อมเมนูที่รังสรรค์จากวัตถุดิบสดใหม่จาก JW Garden รวมถึงวัตถุดิบที่ผ่านการแปรรูปจากของเหลือใช้ สะท้อนถึงแนวทางการรับประทานอาหารอย่างยั่งยืนในรูปแบบนวัตกรรมของรีสอร์ท
การเปิดตัวงาน Summer Solstice Garden Party คือการเริ่มต้นประเพณีใหม่ที่เปี่ยมด้วยความหมายสำหรับโรงแรมในเครือ JW Marriott ทั่วโลก กิจกรรมนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยมสำคัญของแบรนด์ ได้แก่ การอยู่กับปัจจุบัน การเติมเต็ม และความผูกพันร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับธรรมชาติ และสนับสนุนแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
JW Garden: เรื่องราวแห่งการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 JW Garden ขนาด 68 ไร่ ได้เติบโตขึ้นอย่างงดงาม จนกลายเป็นหัวใจหลักของแนวคิด “ฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร” ของ JW Marriott Khao Lak Resort & Spa และเป็นตัวแทนของแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนเชิงนวัตกรรมของรีสอร์ท ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สวนแห่งนี้ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของรีสอร์ทอย่างเงียบ ๆ และสร้างผลกระทบเชิงบวกแบบลูกโซ่
สวนแห่งนี้สามารถผลิตผักออร์แกนิก สมุนไพร และดอกไม้กินได้มากกว่า 5.8 ตัน ส่งตรงจากดินสู่จานอาหารในครัวภายในระยะทางเพียงไม่กี่ก้าว ความอุดมสมบูรณ์แบบออร์แกนิกนี้ ไม่เพียงช่วยยกระดับประสบการณ์อาหารของแขกผู้เข้าพัก แต่ยังช่วยลดความจำเป็นในการนำเข้าวัตถุดิบจากภายนอกอย่างมาก ส่งผลให้รอยเท้าคาร์บอนของรีสอร์ทลดลงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ JW Garden ไม่ได้มีเพียงแค่ว่าปลูกอะไร แต่ยังรวมถึงวิธีที่สวนแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่สร้างสรรค์ สวนของรีสอร์ทแห่งนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านการบริโภคแบบหมุนเวียน ผลไม้ส่วนเกินที่เหลือใช้ได้ถูกนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้สดมากกว่า 2,100 ลิตร ขณะที่เปลือกแตงโมที่เหลือใช้มากกว่า 1,000 กิโลกรัม ถูกนำไปทำเป็นของดองรสเปรี้ยวหรือขนม
แม้แต่ขนมปังจากมื้อเช้าที่จะถูกทิ้ง ก็ถูกนำมาแปรรูปใหม่เป็นขนมปังซาวโดว์แบบหมุนเวียนจำนวน 684 กิโลกรัม เสิร์ฟสดใหม่ในทุกเช้า ความสำเร็จอื่น ๆ ได้แก่ เปลือกมันฝรั่ง 58 กิโลกรัมที่ถูกนำไปทำเป็นมันฝรั่งทอดแบบโฮมเมด ข้าวต้มเหลือใช้ 86.8 กิโลกรัมที่แปรรูปเป็นข้าวเกรียบแฮนด์เมด และโฟกัชเซียพร้อมเปลือกไข่ 128 กิโลกรัมจากสวน JW ที่ถูกนำมาใช้ในการทำพาสต้าหมุนเวียนสูตรเฉพาะของรีสอร์ท ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงานต่าง ๆ อย่างเช่น La Festa Sunset Barbecue
ผลกระทบของสวนนี้ขยายออกไปไกลกว่าเพียงอาหารบนจาน กากกาแฟที่ใช้แล้วเกือบ 5 ตันจากคาเฟ่ภายในรีสอร์ท ถูกนำไปใช้เป็นปุ๋ยธรรมชาติ ช่วยปรับปรุงดินและสนับสนุนผลผลิตรุ่นถัดไป เถ้าถ่านจากเตาอบไม้ของห้องอาหาร Olive และ Drift Beach Bar & Grill ก็ถูกนำไปใช้เป็นสารเสริมคุณภาพดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุ
ความพยายามเหล่านี้เริ่มต้นโดยคุณ Silvano Amolini อดีตผู้อำนวยการกลุ่มด้านอาหาร และได้รับการสานต่ออย่างมุ่งมั่นโดยทีมครัวของรีสอร์ท เปลี่ยน JW Garden ให้กลายเป็นต้นแบบของการร่วมมือกันระหว่างทีมสวน ทีมครัว และทีมวิศวกรรม สะท้อนให้เห็นว่าการลงมือทำอย่างตั้งใจ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้
สวนแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มชีวิตของแขกและพนักงานของรีสอร์ท มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 4,500 คน ที่ได้เดินชมเส้นทางภายในสวน เรียนรู้แนวทางการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน เข้าใจแหล่งที่มาของอาหารที่บริโภค และเข้าร่วมกิจกรรมในห้องเรียนเต็มรูปแบบที่นำโดยนักสิ่งแวดล้อมประจำรีสอร์ท ณ โรงเรียนสิ่งแวดล้อม กิจกรรมการเรียนรู้เหล่านี้มักจะรวมถึงการลงมือมีส่วนร่วมในโครงการปลูกต้นจาก เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความยั่งยืนและความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่ง
สำหรับห้องครัวของรีสอร์ท JW Garden คือแหล่งความภาคภูมิใจ โดยไข่ที่ใช้มากกว่า 90% มาจากแหล่งเลี้ยงแบบอิสระหรือจากสวนแห่งนี้โดยตรงปัจจุบันรีสอร์ทได้รับไข่พาสเจอไรซ์จากแม่ไก่กว่า 300 ตัวในฟาร์มวันละ 200–300 ฟอง ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีวัตถุดิบสดใหม่และปลอดภัยสำหรับใช้ในรีสอร์ทอย่างต่อเนื่อง
รีสอร์ทยังเริ่มผลิตชีสแพะเองอย่างภาคภูมิใจ โดยใช้วัตถุดิบคือน้ำนมจากแพะที่เลี้ยงภายในฟาร์ม ซึ่งช่วยเสริมแนวคิด “ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร” ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โครงการส่งเสริมการผสมเกสรพืชซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการอนุรักษ์ผีเสื้อและผึ้ง ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาสมดุลของธรรมชาติในพื้นที่
เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรีสอร์ทในการอนุรักษ์ธรรมชาติและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟู ลูกฉลามกบวัย 6 เดือนจำนวน 2 ตัวจากศูนย์อนุบาลและอนุรักษ์ฉลามกบของรีสอร์ท ซึ่งดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิโอเชียนส์ ฟอร์ ออล ได้ถูกปล่อยคืนสู่ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติในทะเลอันดามัน ศูนย์อนุบาลแห่งนี้ถูกออกแบบขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์ทางทะเลสำหรับฉลามกบซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักได้มีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศทางทะเลในท้องถิ่น ภายใต้โครงการ Good Travel with Marriott Bonvoy™
แม้ความสำเร็จเหล่านี้อาจดูเล็กน้อยในบริบทของการดำเนินงานรีสอร์ทขนาดใหญ่ แต่นี่คือพันธกิจต่อความยั่งยืนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง JW Garden คือหลักฐานที่ชัดเจนว่า “ความก้าวหน้าเริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์เพียงหนึ่งเมล็ด” ไม่ว่าจะในความหมายตามจริงหรือเชิงเปรียบเปรย