‘ศุภชัย ใจสมุทธ’ ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลพบว่าสำนักงานอัยการสูงสุดได้หนังสือจาก ‘ไวยกาญจน์ จามิกรณ์’ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 จำนวน 2 ฉบับ ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อนำตัวผู้ต้องหา มาดำเนินคดี ฟอกเงินการขายที่ดิน ของ ‘ศุภชัย ศรีศุภอักษร’ อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน 477 ล้านบาท โดยมี ‘ณฐพร โตประยูร’ อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็น 1ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาด้วย
โดยหนังสือฉบับแรกลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เรื่อง “ขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา” โดยมีรายละเอียด ว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีคำสั่งฟ้อง ณฐพร ผู้ต้องหาที่ 2 และ ผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ ประมวลกฎหมายอาญา แต่เนื่องจากมีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงไม่มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามกำหนดนัด ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอให้ท่านจัดการติดตามให้ได้ตัวณฐพร มาฟ้องต่อศาล หากไม่สามารถติดตามตัวณฐพร มาได้ให้ดำเนินการขอออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว เพื่อให้ได้ตัวมา ยื่นฟ้องต่อศาล ภายในกำหนดอายุความ15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหา ดังกล่าวอยู่ต่างประเทศให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน อนึ่ง คดีนี้มีกำหนดขาดอายุความในวันที่ 15 มิถุนายน 2568
ศุภชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นมีหนังสือฉบับที่สอง ลงวันที่ 1 พ.ค. 2568 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง “เตือนให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาและขอออกหมายจับ” ที่ได้ขอให้ ดำเนินการจัดการให้ได้ตัวณฐพร และ ผู้เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดี "ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน" หรือขอออกหมายจับ เพื่อพนักงานอัยการจะได้นำตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลต่อไป และบัดนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่พนักงานสอบสวนมิได้ดำเนินการ อย่างหนึ่งอย่างใด้ ทั้งมิได้รายงานหรือแจ้งผลการดำเนินการให้พนักงานอัยการทราบ เนื่องจากคดีนี้จะครบ กำหนดอายุความในการกระทำความผิดตามบทกฎหมายข้างต้นในวันที่15 มิถุนายน2568 ดังนั้น จึงขอให้ท่านดำเนินการจัดการให้ได้ตัว ณฐพร และผู้เกี่ยวข้อง มาเพื่อฟ้องต่อศาล
จากเอกสารดังกล่าว ที่สำนักงานอัยการพิเศษ 4 สอบถามถึง2 ครั้ง แสดงว่าดีเอสไอ เพิกเฉยที่จะนำตัวณฐพร มาให้อัยการ ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ทั้งที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 และทั้งๆ ที่ดีเอสไอก็พบเห็นบุคคลดังกล่าวอยู่ตลอด โดยณฐพรมาปรากฎตัวยื่นร้องเรียนเรื่องตามสถานที่ต่างๆ เป็นที่รับรู้โดยตัวไป นอกจากนี้นายณฐพรยังยืนยันด้วยว่าได้ข้อมูลเรื่องการสอบสวน ‘คดีฮั้วสว.’ มาจากดีเอสไอ โดยแสดงเอกสารให้เห็น จึงชี้ให้เห็นว่า อธิบดีเอสไอ หรือพนักงานสอบสวน ดีเอสไอพบกับ ณฐพร ดังนั้นการที่มีเหตุการดังกล่าวขึ้น แต่ไม่ดำเนินจับกุมตัวมาดำเนินคดี จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ
“ขอเรียกร้องนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ดีเอสไปนำตัว นายณัฐพร เพื่อส่งให้อัยการเพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ขณะเดียวกันให้เรียกร้อง กระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีและแถลงให้ประชาชนทราบ”
— ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ศุภชัย กล่าวด้วยว่า หากยังมีการเพิกเฉยอยู่ตนก็จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีดีเอสไอในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในทันที