ปัญหาวัยรุ่นไทย “ท้องไม่พร้อม” ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม และเศรษฐกิจในภาพรวม รัฐบาลไทยพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการตรากฎหมายพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งบังคับใช้เมื่อ พ.ศ. 2560 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีกลไกช่วยเหลือวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม (อายุ 10 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง 20 ปี) และสร้างมาตรการป้องกันการท้องไม่พร้อมตั้งแต่วัยเรียน ล่าสุด ประกันสังคมเปิดให้ผู้ประกันตนหญิงที่ “ท้องไม่พร้อม” สามารถใช้สิทธิรับบริการ “ยุติการตั้งครรภ์” ได้ในสถานพยาบาลที่มีสิทธิรักษา
มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมเล็งเห็นความสำคัญของการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ผู้ประกันตนได้อย่างทั่วถึง โดยสำนักงานประกันสังคมได้จัดให้มีสถานพยาบาลทั้งในรูปแบบสถานพยาบาลหลักคู่สัญญา และสถานพยาบาลอื่นที่เป็นการรักษาเฉพาะทาง ทั้งนี้ นอกจากการดูแลรักษาโรค เพื่อรักษาความเจ็บป่วยของผู้ประกันตนแล้ว สำนักงานประกันสังคมยังให้ความใส่ใจในเรื่องสิทธิผู้ประกันตนหญิงที่ท้องไม่พร้อม และต้องการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่สถานพยาบาลตามสิทธิได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยที่ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการยุติการตั้งครรภ์ได้ ตามหลักเกณฑ์ข้อบังคับของแพทยสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2564 โดยผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามสิทธิได้ หากสถานพยาบาลตามสิทธิจำเป็นต้องส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่น ทั้งที่เป็นสถานพยาบาลศักยภาพสูง หรือสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอนามัย ให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในความรับผิดชอบของสถานพยาบาลตามสิทธิ
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมเผยว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการดูแลการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยในส่วนของงบประมาณส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคและงบประมาณบริการผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นการจ่ายให้คนไทยทุกสิทธิการรักษา
“ยุติการตั้งครรภ์”ภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่อาชญากรรม
สำหรับการยุติการตั้งครรภ์ จะต้องดำเนินการโดยแพทย์ตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภา และเป็นไปตามมาตรา 305 ของประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับแก้ไข พ.ศ. 2564) ซึ่งมีเงื่อนไขว่า
- หญิงมีสิทธิยุติการตั้งครรภ์หากมีอายุครรภ์ ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และยืนยันที่จะยุติ
- อายุครรภ์ 12–20 สัปดาห์ ต้องผ่านการตรวจและให้คำปรึกษาจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ
- หรือมีเหตุผลทางสุขภาพกาย–ใจ หรือเกิดจากความผิดทางเพศ เช่น การข่มขืน

ใช้สิทธิที่ไหนได้บ้าง?
ผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทยสามารถใช้สิทธิบริการยุติการตั้งครรภ์ได้โดย
1) เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอนามัย สามารถใช้สิทธิได้เช่นเดียวกับผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
2) เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลตามสิทธิ
กรณีสถานพยาบาลตามสิทธิไม่สามารถให้การรักษาได้ ให้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามที่กรมอนามัยกำหนด หรือหากส่งต่อไปยังสถานพยาบาลศักยภาพสูงหรือสถานพยาบาลอื่น ให้สถานพยาบาลตามสิทธิรับผิดชอบค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตน ส่วนผู้ประกันตนที่ “ไม่ใช่สัญชาติไทย” ให้เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลตามสิทธิ
ระบบประกันสังคมที่ “ยั่งยืน” สู่สังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นโยบายนี้คือก้าวเล็กๆ ในเชิงนโยบาย แต่มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในเชิงความยั่งยืน มันไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกสำหรับผู้หญิงเท่านั้น แต่คือ “การคืนสิทธิ” ให้กับประชาชนในการกำหนดชีวิตตนเองอย่างปลอดภัย เท่าเทียม และมีศักดิ์ศรี
การที่สำนักงานประกันสังคมขยายสิทธิให้ผู้ประกันตนสามารถ “ยุติการตั้งครรภ์” ได้โดยไม่เสีย จะช่วยลดความเสี่ยงจากการทำแท้งไม่ปลอดภัย ทำแท้งผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่กระทบต่อชีวิตและศักดิ์ศรีของผู้หญิงจำนวนมาก ทั้งยังสะท้อนถึง “ความเท่าเทียม” ในการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเป็นธรรม
สำหรับในมุมของความยั่งยืน นโยบายดังกล่าวเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being), SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality), SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities) โดยการเปิดทางเลือกอย่างปลอดภัยให้กับผู้หญิงถือเป็นการเสริมสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน มีมนุษยธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมคำนึงถึงมิติทางสังคมและจริยธรรม อันเป็นรากฐานของสังคมที่เดินหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว