ไทยเปิดตัวนวัตกรรมดาวเทียม+AI ตรวจป่าประเมินคาร์บอนเครดิต

16 มิ.ย. 2568 - 05:04

  • อบก.จับมือพันธมิตรเทคโนโลยีเปิดแพลตฟอร์มใหม่ มุ่งสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ดึงเกษตรกรรายย่อยร่วมโครงการ ชูความแม่นยำ โปร่งใส และยั่งยืน

ไทยเปิดตัวนวัตกรรมดาวเทียม+AI ตรวจป่าประเมินคาร์บอนเครดิต

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศไทยในการผลักดันสู่เป้าหมายความยั่งยืน เมื่อองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. (TGO) เปิดตัว “นวัตกรรมการประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้” โดยนำเทคโนโลยีสำรวจระยะไกลจากดาวเทียม (Remote Sensing) ผสานกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวัดการดูดซับคาร์บอนของป่าไม้ได้อย่างแม่นยำและโปร่งใสเป็นครั้งแรกของประเทศ

ภายใต้ โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) โดยความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมการทำงานขององค์กรเทคโนโลยีชั้นนำ ได้แก่ GISTDA, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน), SCG เคมิคอลส์ และกลุ่ม ปตท. เพื่อเปิดตัว 4 แพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ได้รับการรับรองจาก อบก. อย่างเป็นทางการ ได้แก่

  • Carbon Atlas โดย GISTDA
  • Carbon Watch โดย THAICOM
  • CERT+ โดย SCGC
  • Smart Forest โดย Varuna (ในกลุ่ม ปตท.)
sustainability-satellite-ai-thailand-carbon-credit-innovation-SPACEBAR-Photo03.jpg

เทคโนโลยีเปลี่ยนธรรมชาติให้กลายเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบได้

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ อบก. กล่าวว่า การใช้ Remote Sensing และ AI ช่วยยกระดับกระบวนการประเมินคาร์บอนเครดิตของไทยให้ได้มาตรฐานสากล โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวัด แต่ยังลดต้นทุนและเวลาในการประเมิน อีกทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065

ลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงทุกคน

หนึ่งในความโดดเด่นของแพลตฟอร์มใหม่นี้ คือการเปิดโอกาสให้เกษตรกรรายย่อยสามารถรวมกลุ่มและเข้าร่วมตลาดคาร์บอนเครดิตได้โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสำรวจเอง
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า แพลตฟอร์ม Carbon Atlas ครอบคลุมพื้นที่ป่ากว่า 90% ทั่วประเทศ พร้อมรองรับพื้นที่หลากหลายประเภท เช่น ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน และสวนยางพารา โดยมีการนำเทคโนโลยี LiDAR และ AI มาใช้ประเมินข้อมูลจากพื้นที่จริง สร้างระบบที่แม่นยำและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์

เทคโนโลยีจากอวกาศ สู่ภาคป่าไม้ไทย

ทางด้าน ปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจด้าน Space tech ไทยคมมีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีด้านอวกาศ มาคิดค้นการบริการที่สามารถตอบโจทย์ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Carbon Watch ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในภาคป่าไม้ ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม และ AI ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. เป็นรายแรกของประเทศไทย เพื่อช่วยให้การประเมินคาร์บอนในพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว ตรวจสอบได้ และคุ้มค่ากว่าวิธีดั้งเดิม อีกทั้งยังนำมาซึ่งความยั่งยืนและช่วยขับเคลื่อนให้เกิดเป็นสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศอีกด้วย

sustainability-satellite-ai-thailand-carbon-credit-innovation-SPACEBAR-Photo01.jpg

ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือวัด” แต่เป็น “ระบบความเป็นธรรม”

การประเมินคาร์บอนที่แม่นยำไม่เพียงช่วยพัฒนาตลาด แต่ยังมีนัยสำคัญในเชิงจริยธรรม โดยคุณปฐมภพ กล่าวเตือนว่าถ้าเราไม่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง ข้อมูลจากป่าไม้ไทยอาจถูกใช้โดยโมเดลต่างชาติที่ไม่เข้าใจบริบทในประเทศเราอย่างแท้จริง ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศจึงเป็นการรักษาอธิปไตยทางข้อมูล และรับประกันว่าผลประโยชน์จะกลับคืนสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างเป็นธรรม

มีนา ศุภวิวรรธน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ให้ความสำคัญกับการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย PTT Net zero emissions 2050 มีหนึ่งกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญคือการฟื้นฟูป่า ซึ่งนอกเหนือจากการร่วมฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมทั่วประเทศแล้ว ยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ผ่านการบูรณาการร่วมกับบริษัทในกลุ่ม โดย ปตท. และวรุณา ได้ร่วมกันพัฒนาโมเดลประเมินการดูดซับ CO2 ของป่าไม้ ซึ่งผ่านการรับรองจาก TGO แล้ววันนี้จำนวน 3 โมเดล ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ และสวนยางพารา นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ภายใต้มาตรฐานของประทศไทย

ทางด้าน สุรเชษฐ์ ชโลธร Director of Manufacturing Technology and Digital บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กล่าวว่า  SCGC มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน โดย ‘CERT+’ ถือเป็น ‘รายแรกของประเทศ’ ที่ริเริ่มนำเทคโนโลยี Remote Sensing และ AI ขั้นสูงมาใช้ในการประเมินคาร์บอนเครดิต เพื่อยกระดับการประเมินคาร์บอนเครดิตให้แม่นยำ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในภาคป่าไม้และเกษตรกรรม ซึ่งได้ที่ริเริ่มใช้กับไม้ยูคาลิปตัสและขยายสู่พืชเศรษฐกิจชนิดอื่นอย่างต่อเนื่อง ระบบดังกล่าวยังสามารถติดตามการเจริญเติบโตของพืช วิเคราะห์ความเสี่ยงในพื้นที่ โดยบูรณาการข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคือหัวใจสำคัญที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างแท้จริง

เปิดมิติใหม่ของการเงินสีเขียว

อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานเปิดตัวครั้งนี้คือการนำเสนอแนวคิด “ประกันภัยคาร์บอนเครดิต” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเงินที่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดคาร์บอนเครดิต สร้างความน่าเชื่อถือ และลดความเสี่ยงให้กับโครงการคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้

การเปิดตัวเทคโนโลยีในครั้งนี้คือการวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของตลาดคาร์บอนในประเทศไทย ที่ทำให้ “ป่าไม้ไม่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง” อีกต่อไป
ด้วยการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และนักวิจัย เทคโนโลยีกำลังช่วยเปลี่ยนข้อมูลดิบจากธรรมชาติให้กลายเป็นเสียงที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือในเวทีเศรษฐกิจโลก
ในโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน การอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนอาจไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้เพิ่ม แต่คือการ “ฟังเสียงป่า” ด้วยหัวใจและเครื่องมือที่เหมาะสม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์