โลกร้อนทำแบคทีเรียวิบริโอเติบโต เสี่ยงถึงชีวิตจากหอยดิบเพียงตัวเดียว

10 มิ.ย. 2568 - 09:42

  • อวสานคนรักหอย!! จากความสดกลายเป็นความเสี่ยง เมื่อหอยนางรมดิบอาจไม่ปลอดภัยเหมือนเดิมในวันที่โลกอุ่นขึ้น

โลกร้อนทำแบคทีเรียวิบริโอเติบโต เสี่ยงถึงชีวิตจากหอยดิบเพียงตัวเดียว

ในวันที่อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนของน้ำทะเลก็พุ่งสูงตามไปด้วย และภัยร้ายก็ขยับเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นจนประชิดจานอาหาร กระทบเมนูโปรด โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมอย่าง “หอยนางรม” ที่อาจกลายเป็นภัยเงียบถึงขั้นเสียชีวิต

โลกร้อน...เร่งแบคทีเรียเติบโต

งานวิจัยจากหลายประเทศชี้ตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรียในกลุ่ม Vibrio โดยเฉพาะสายพันธุ์ Vibrio vulnificus ที่ถูกขนานนามว่า “แบคทีเรียกินเนื้อ”

แบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำกร่อย และมักแฝงอยู่ในอาหารทะเลอย่าง หอยนางรม ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลจำพวก Filter Feeders หรือสัตว์ที่กรองกินอาหารจากน้ำ นั่นหมายความว่า หอยนางรมไม่ได้กรองแค่แพลงก์ตอน แต่ยังสะสมแบคทีเรียและสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ เข้าไปด้วยโดยตรง หากกินโดยไม่ผ่านความร้อนจึงมีโอกาสติดเชื้อสูง

“Warming accelerates Vibrio in oysters.”

โลกร้อนเร่งให้วิบริโอในหอยนางรมเติบโตเร็วขึ้น ไม่ใช่แค่ในทางทฤษฎี แต่เริ่มเห็นผลในโลกจริง

 “Vibrio ชอบน้ำอุ่น และกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามอุณหภูมิที่พุ่งสูง ทั้งยังขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยมีการระบาดมาก่อน”

Dr. Robert Love ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ ระบุ

sustainability-warming-accelerates-vibrio-in-oysters-SPACEBAR-Photo01.jpg

กรณีเตือนภัย: นุ่น นพลักษณ์ และชายเท็กซัสวัย 30 ปี

หนึ่งในเคสเตือนภัยที่ชัดเจนคือ “นุ่น นพลักษณ์” บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ “ติดเชื้อในกระแสเลือด” จากการกินหอยนางรมดิบและติดเชื้อ ซึ่งในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะติดเชื้อรุนแรง อย่างกรณีที่เคยเป็นข่าวในสหรัฐฯ ที่ชายชาวเท็กซัสวัยประมาณ 30 ปีเสียชีวิตภายในเวลาอันสั้นหลังกินหอยนางรมดิบที่ปนเปื้อน Vibrio ซึ่งสามารถแพร่กระจายสู่ระบบต่างๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ลาม โดย CDC สหรัฐฯ ออกมาเตือนว่าแนวโน้มการติดเชื้อแบบนี้กำลังเพิ่มขึ้นในโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน

Vibrio คืออะไร? แล้วเราควรกังวลแค่ไหน?

แบคทีเรียวิบริโอมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยจากอาหารทะเลมากที่สุดคือ Vibrio Parahaemolyticus ซึ่งแม้จะอยู่ในธรรมชาติมานาน แต่ก็กำลังขยายพื้นที่และเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป

โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้ เรียกว่า Vibriosis โดยสามารถติดเชื้อได้ทั้งจากการกินหอยนางรมดิบหรืออาหารทะเลไม่สุก ดื่มน้ำทะเลที่ปนเปื้อน หรือสัมผัสน้ำกร่อยหรือสัตว์ทะเลในขณะที่มีบาดแผล

อาการของผู้ติดเชื้อ มักแสดงออกภายใน 24 ชั่วโมง เช่น
ท้องร่วง ปวดท้อง อาเจียน ปวดหัว ไข้สูง หนาวสั่น
บางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้น ติดเชื้อในกระแสเลือด หรือ ต้องตัดอวัยวะที่เน่าเปื่อย

“แม้หลายคนจะมองว่าเป็นแค่อาหารเป็นพิษ แต่สำหรับกลุ่มเปราะบาง มันอาจเป็นภัยถึงชีวิต”

กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ข้อมูลจาก Health Canada และ หมอเจด รอง ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ระบุว่า ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงหอยนางรมดิบโดยเด็ดขาด ได้แก่ ผู้ป่วยโรคตับ (ตับแข็ง, ไวรัสตับอักเสบ) ผู้ป่วยเบาหวาน ได้รับยาเคมีบำบัดหรือยากดภูมิคุ้มกัน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ไม่มีม้าม หรือเป็นธาลัสซีเมีย แม้แต่คนที่ไม่ได้รับประทาน หากมีบาดแผลและสัมผัสน้ำทะเล หรือสัตว์ทะเลที่ปนเปื้อน ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน

sustainability-warming-accelerates-vibrio-in-oysters-SPACEBAR-Photo02.jpg

แล้วจะกินหอยอย่างไรให้ปลอดภัย?

หอยอร่อยได้ แต่ต้อง “ฉลาดเลือก” แนะนำว่าหอยนางรมสามารถกินได้อย่างปลอดภัย หากรู้จักวิธีเลือกและปรุงอย่างถูกต้อง เช่น

  • ปรุงหอยด้วยความร้อนสูง (นึ่ง ย่าง ทอด)
  • หากซื้อหอยดิบ ควรขอดู “แท็ก” ที่ติดมากับถุง ระบุแหล่งที่จับและวันที่จับ
  • เก็บหอยในตู้เย็นทันที และรับประทานภายใน 7–10 วัน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ทะเลหากมีบาดแผล

กินอย่างยั่งยืน ในยุคที่โลกเปลี่ยน

การเจ็บป่วยจากการบริโภคอาหารทะเลปนเปื้อนในยุคนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาสาธารณสุข แต่เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนของผลกระทบจากการละเลย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)SDG 13: Climate Action ที่เน้นให้เราทุกคนร่วมมือกันลดโลกร้อน และเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบด้านสุขภาพที่ตามมา

ขณะเดียวกัน การเฝ้าระวังพฤติกรรมบริโภค เช่น การเลือกกินหอยนางรมที่ผ่านการปรุงสุก หลีกเลี่ยงอาหารดิบในกลุ่มเสี่ยง และตรวจสอบแหล่งที่มาของอาหารทะเลอย่างรอบคอบ คือการลงมือทำตามเป้าหมาย SDG 12: Responsible Consumption and Production อย่างเป็นรูปธรรม

เพราะความยั่งยืนในวันนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในป่าเขา หรือแนวปะการัง แต่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เราวางลงบนจานในทุกมื้อ หากเราทุกคนเริ่มต้น “บริโภคอย่างรู้เท่าทัน” โลกก็จะยั่งยืนมากขึ้นได้อย่างแท้จริง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์