หลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเหตุตึก สตง. ถล่มไว้เป็นคดีพิเศษ วานนี้ (3 เม.ย.) คณะทำงานของดีเอสไอได้เริ่มประชุมนัดแรก เพื่อรวบรวมข้อมูลและกำหนดแนวทางการสืบสวน ขณะที่ในวันเดียวกัน กรมสรรพากร ได้กล่าวโทษต่อดีเอสไอ เพื่อขอให้ดำเนินคดีอาญากับ บริษัท ซิน เคอหยวน จำกัด หลังตรวจพบว่าใช้ใบกำกับภาษีปลอมกว่า 7,000 รายการ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (4 เม.ย.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะ ได้ประชุมคณะทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมโยงของกิจการร่วมค้าที่ บจก.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) เข้าร่วม
โดย พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา แต่การที่ตึก สตง. เป็นตึกเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่เกิดถล่มลงมา และส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ เพื่อนำมาตรวจสอบหาสาเหตุของการถล่ม
และได้มอบหมายให้ อธิบดีดีเอสไอประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้าไปเก็บพยานวัตถุในพื้นที่เกิดเหตุ แต่จะไม่เข้าไปรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยเด็ดขาด
พร้อมระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ มีข้อมูลเรื่องการจดทะเบียนนิติบุคคล และข้อมูลเรื่องการประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว แต่กลับอ้างว่า ไม่ได้ดูแลข้อมูลเกี่ยวกับกิจการร่วมค้า เบื้องต้นพบว่า บจก.ไชน่าฯ มีกิจการร่วมค้ากับคนไทย 11 บริษัท จึงต้องตรวจสอบว่าไปทำอย่างไรถึงได้รับโครงการก่อสร้างถึง 29 โครงการ
“แต่พอว่าเป็นเรื่องกิจการร่วมค้า กระทรวงพาณิชย์กลับบอกว่าไม่มีทะเบียน พอไม่มีทะเบียน อ้างว่าไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแพ่ง ทำให้เราต้องไปดูว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้กลับเป็นกรมสรรพากร เพราะต้องไปตอนเสียภาษี แต่สรรพากรก็ไม่มีหน่วยงานโดยตรง ที่จะรับผิดชอบทะเบียนอันนี้ ดังนั้นจึงอยากให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ”
— พ.ต.อ.ทวี กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังระบุว่า คณะทำงานจะตรวจสอบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ และเตรียมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่วมตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น ป.ป.ช. ในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตในเนื้องานโครงการก่อสร้างของภาครัฐด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวที่สภาฯ อีกครั้งว่า ดีเอสไอได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ให้ตรวจสอบเรื่องการเดินทางเข้าออกต่างประเทศของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว
“หน้าที่ของพนักงานสอบสวนนอกจากแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์และความผิดแล้ว อีกหน้าที่สำคัญคือการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องลงโทษ ในเรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีสำนักสืบสวนสะกดรอยอยู่”
— พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ส่วนที่การตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับ บริษัท นอมินีจีน พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานเพียงพอก็พร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประเด็นที่ เมื่อถามว่า บจก.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) ได้รับโครงการสัมปทานของภาครัฐหลายโครงการ ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ดีเอสไอจะเน้นไปที่เรื่องนอมินีก่อน เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบโดยตรง ส่วนประเด็นอื่นจะประสานต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาตรวจสอบดำเนินคดีต่อไป