ลุยสอบเคส ‘นอมินี-ฮั้วประมูล’ สางปม ‘ตึก สตง.’ ถล่ม

1 เม.ย. 2568 - 04:30

  • ‘ทวี’ ลุยสางปม ‘ตึก สตง.’ ถล่ม

  • เร่งสอบเคสบริษัทใช้ ‘นอมินี’ และ ‘ฮั้วประมูล’ ระบุส่อเข้าข่ายเป็น ‘คดีพิเศษ’

  • ‘นภินทร’ สั่งหาข้อสรุปภายใน 7 วัน เผยเกี่ยวพันกับอีก 13 บริษัท

  • ลั่นใช้กฎหมายทุกข้อ-ทุกฉบับจัดการ

Tawee_Sodsong_on_investigation_case_collapse_of_SAO_building_SPACEBAR_Hero_33810b293b.jpg

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุตึกถล่มจากแผ่นดินไหว ว่า เรื่องการเยียวยาจะเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติที่มีการกระทำผิดทางอาญาเกิดขึ้น กรณีดังกล่าวหากมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ประมาททำให้เสียชีวิต ถือเป็นฐานความผิดทางอาญา ก็จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

แต่ในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ มีหลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่ดูแลโดยตรงอย่างกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ในส่วนของรัฐบาลมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโศกนาฏกรรม จึงต้องดูแลช่วยเหลือเต็มที่

ดังนั้น การเยียวยาทางด้านจิตใจและที่เป็นตัวเงินจะต้องมี ซึ่งการเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติสามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอให้คดีสิ้นสุด นอกจากนี้ รัฐบาลอาจมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปดูแลเรื่องหนี้สินครัวเรือน นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่จิตวิทยาเข้าไปดูแลสภาพจิตใจ

อีกทั้งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม มีอยู่ 3 ประเด็นที่อาจเข้าข่ายความผิด คือ

1\. การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าวที่ใช้นอมินี เท่าที่ดูจากงบการเงินของบริษัทดังกล่าวซึ่งเผยแพร่อยู่ พบว่าขาดทุนมาตลอดและไม่มีการเสียภาษี อีกทั้งมีการนำเงินของบริษัทไปให้กรรมการกู้จำนวน 2 พันล้านบาท แม้ว่าสัดส่วนการถือหุ้นจะเป็นต่างชาติ 49%, ไทย 51% แต่หากมองในลักษณะของอำนาจครอบงำ จะเห็นถึงการบริหารที่แท้จริง

ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบ ประกอบกับพบว่ามีบริษัทในลักษณะเดียวกันถึง 10 บริษัทในเครือเดียวกัน ต้องดูว่ามีการกระทำใดที่เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว และต้องพิจารณาว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควรเข้าไปดำเนินการหรือไม่

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

2\. หากสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ดีเอสไอมีอำนาจในการสอบสวน  

3\. การจัดซื้อจัดจ้างที่เข้าข่ายฮั้วประมูล หากเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท ดีเอสไอมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นพบว่าราคาที่เสนอประมูลต่ำกว่าราคากลางเพียง 1% เท่านั้น ขณะที่ปกติการประมูลที่ไม่มีการแข่งขัน ควรต่ำกว่าราคากลางอย่างน้อย 10-15%

ส่วนประเด็น ‘บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10’ มีบริษัทเครือข่ายเดียวกันกว่า 24 บริษัท? รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ทราบจากรายงานของอธิบดีดีเอสไอว่าจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การตรวจสอบว่าทำไมจึงเกิดเหตุเพียงตึกเดียว และต้องพิจารณาว่ามีการกระทำผิดหรือไม่

จะมีการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียน การเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร รวมถึงการตรวจสอบในเชิงลึก โดยนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน โดยได้กำชับให้ดีเอสไอเร่งดำเนินการ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

เมื่อถามว่าจะพุ่งเป้าไปที่ ‘บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10’ ก่อนหรือไม่? รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยดูเหมือนจีดีพีจะเติบโต แต่คนไทยกลับไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร

ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบว่าหากมีการบังคับใช้กฎหมายธุรกิจของบุคคลต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมาย เงินที่เคยไหลออกไปสู่ต่างด้าวเพียงอย่างเดียว ควรกลับมาสู่คนไทยในสัดส่วน 51% ซึ่งไม่ได้มองเพียงกรณีนี้เท่านั้น แต่จะตรวจสอบธุรกิจทั้งหมดที่บุคคลต่างด้าวดำเนินการ โดยมอบหมายให้สำนักความมั่นคงของดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบเรื่องนอมินีทั้งหมด

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

‘รมช.พาณิชย์’ สั่งหาข้อสรุปภายใน 7 วัน เผยเกี่ยวพันกับอีก 13 บริษัท

ขณะที่ นภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้นอมินีคนไทยถือหุ้นบริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) 51% ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และกรมสรรพากร ลงไปตรวจสอบ โดยใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างเต็มที่ โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้และสรุปภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน เวลา 13.30 น. จะมีการประชุมเร่งด่วน ซึ่งมีหลายประเด็นสำคัญที่ต้องหารือ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเกี่ยวพันกับรูปคดี

เบื้องต้นพบว่า บริษัทนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่น ๆ อีกประมาณ 13 บริษัท และทั้งหมดทำงานหรือรับงานที่ใดบ้าง จะต้องมีการตรวจสอบและดำเนินการอย่างเข้มข้นตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกฉบับ

นภินทร ศรีสรรพางค์

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น บริษัทดังกล่าวรับงานกี่โครงการ? นรินทร กล่าวว่า ขออนุญาตเก็บเป็นข้อมูลภายใน เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งหลังจากได้ข้อเท็จจริงแล้ว จะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง ยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าบริษัทนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นกี่แห่ง และแต่ละแห่งรับงานอะไรในประเทศไทย งานแล้วเสร็จที่ไหนบ้าง หรือยังก่อสร้างอยู่

เมื่อถามว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัทปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ทางบริษัทและกระทรวงพาณิชย์ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่? นภินทร กล่าวว่า มีวิธีดำเนินการด้านอื่นอยู่ โดยเฉพาะการตรวจสอบของกรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่จำเป็นต้องพบตัว หรือแม้ว่าบริษัทจะหลบเลี่ยง ก็ยังสามารถสรุปได้ว่าบริษัทนี้เป็นนอมินีหรือไม่ และรับงานที่ใดบ้าง งานแล้วเสร็จหรือยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อถามว่า มีคนไทยเข้าไปเป็นนอมินีให้กับบริษัทดังกล่าวหรือไม่? นภินทร กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่ามีคนไทยถือหุ้น แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเป็นนอมินีหรือไม่ ต้องรอให้ได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบการกระทำผิด เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้อง? นภินทร กล่าวว่า จะดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกข้อหา ทุกฉบับ และ 4 บริษัทที่อยู่ในตึกเดียวกัน จะต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด

เมื่อถามว่าจะมีการสุ่มตรวจบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว และบริษัทที่เข้าข่ายมีคนไทยเป็นนอมินีอื่น ๆ อีกหรือไม่? นภินทร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากมีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากกว่า 20,000 แห่ง จึงต้องทำงานร่วมกับกรมที่ดินเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน กรมที่ดินมีข้อมูลว่าผู้ถือครองบริษัทใดบ้าง แต่ไม่สามารถทราบได้ว่าหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหรือไม่

ขณะนี้อยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมที่ดินแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบว่าบริษัทใดถือครองที่ดินและมีการโอนกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอย่างไร พร้อมใช้อำนาจทุกอย่างที่คณะกรรมการซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมาดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อไม่ให้นอมินีส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหายต่อประเทศไทย

อ้างอิง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์