ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)
มาระตี ระบุว่า ในที่ประชุมได้มีการ ย้ำว่าไทยไม่เคยปิดด่าน ชายแดนไทย -กัมพูชา โดยมาตรการที่ดำเนินการอยู่เป็นการควบคุมคนเข้า-ออก และมีการปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน โดยไม่ได้มีการปิดกั้นการขนส่งสินค้าข้ามแดน ทั้งนี้เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่โดยรัฐบาลมีความห่วงใย และจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และความจำเป็น
ส่วนฝ่ายกัมพูชาได้มีการประกาศให้ด่านชายแดนทุกแห่งของกัมพูชาระงับการนำเข้าผักและผลไม้ทุกชนิดจากไทย ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรับผิดชอบ
มาระตี ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ฝ่ายไทยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองฝั่งตามแนวชายแดน ในการออกมาตรการใดๆ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชน จึงไม่ควรที่จะนำมาให้เป็นประเด็นระหว่างประชาชนทั่วไปที่ต้องได้รับความเดือดร้อนและกระทบถึงความจำเป็นต่างๆในด้านมนุษยธรรม ทั้งนักเรียน นักศึกษา ผู้มารักษาพยาบาลฝั่งไทย และแรงงานกัมพูชา เราหวังว่าทางกัมพูชาจะคำนึงถึงประเด็นนี้
อีกประเด็นที่ มาระตี ชี้แจ้งคือกรณีที่ กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงเรื่อง การเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยและสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาต่อสาธารณชน โดย ย้ำว่าการกระทำดังกล่าว กระทบต่อจรรยาบรรณ และมารยาทปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ที่สำคัญเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ควรทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย แต่ในทางกลับกัน สถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไทยขอให้ประชาชนคนไทยทุกคน มีความสามัคคี และ ขอให้มั่นใจในเอกภาพการทำงานระหว่างรัฐบาลกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มาระตี ยังระบุว่า รัฐบาลไทยยังคงเชื่อมั่นว่า กลไกทางการทูต กลไกทวิภาคี และการเจรจาระหว่างสองฝ่ายเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา ทั้งความตึงเครียด และปัญหาที่เกิดขึ้นในเขตแดนระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยยังคงพร้อมที่จะหารือด้วยความจริงใจ และสุจริตใจ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC ) สมัยพิเศษที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือน ก.ย. นี้ และ การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการกำหนดวันใหม่ จะช่วยลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศต่อไป
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นการหารือด้านความมั่นคงมีการหารือการเข้าออกด่านชายแดน โดยยืนยันมาตรการ ปฏิบัติของฝ่ายไทยที่เป็นขั้นตอนเหมาะสมตามระดับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่บนพื้นฐานของความห่วงใย ความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวชายแดน และประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยการปฏิบัติและแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนคือ
- จำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่นการค้าขายขนส่งสินค้า แรงงาน และงานอื่นๆที่จำเป็น
- การปรับลดช่วงเวลาในการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน พร้อมกำหนดวัน เวลาเข้าออกอย่างชัดเจน
- ปิดด่านบางจุด
- ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดน ในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด
ซึ่งปัจจุบันเน้นย้ำว่าการปฏิบัติของฝ่ายไทยได้ดำเนินการใน 2 ขั้นตอนแรกเท่านั้น คือการจำกัดคนและจำกัดเวลา โดยยึดหลักมนุษยธรรมและความพยายามในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
พล.ร.ต.สุรสันต์ ระบุว่า ยังมีการหารือถึงผลกระทบของแรงงานและเกษตรกรในพื้นที่ ทางฝ่ายไทยเน้นย้ำว่า เรามีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะแรงงานกระทรวงแรงงาน พร้อมให้การสนับสนุนจัดหางานทดแทนผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยสามารถติดต่อได้อย่างแรงงานจังหวัด ส่วนรายงานไทยในกัมพูชา ทางรัฐบาลมีมาตรการเตรียมการอย่างเรียบร้อยและพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อต้องการทั้งนี้ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายในการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ
ส่วนการเกษตรกระทรวงพาณิชย์ พล.ร.ต.สุรสันต์ ระบุว่า มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบผ่านการประสานงานกับภาครัฐและเอกชนรวม ทั้งการจัดงานเทศกาลผลไม้ต่างๆอย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อยและชาวบ้านในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ประสานในการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเข้าถึงได้โดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัดเช่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ห้างท้องถิ่น และการนำสินค้าเพื่อปรับผลไม้ในท้องที่ออกจำหน่ายให้กับประชาชนโดยตรง
ทั้งนี้ พล.ร.ต.สุรสันต์ ย้ำว่า กองทัพขอให้ความเชื่อมั่นกับประชาชน ในการปกป้องดูแลอธิปไตยของไทย กำลังพลทุกนายของกองทัพ โดยเฉพาะในพื้นที่กองกำลังป้องกันชายแดนมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปยังพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อพบปะกับกำลังพลทหารในพื้นที่กองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งบำรุงขวัญ ณ ฐานปฏิบัติการมรกต
“รัฐบาลและกองทัพดำรงความเป็นเอกภาพและขอให้ประชาชนดำรงความสามัคคีในช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทุกคนเป็นทีมไทยแลนด์สนับสนุนช่วยเหลือกันและกัน โดยที่ผ่านมาขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดนอย่างต่อเนื่อง”
— พล.ร.ต.สุรสันต์ ระบุ