วรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แสดงความกังวลต่อแนวทางการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดย ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลอาจไม่สามารถอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือมีแนวโน้มยุบสภาก่อนกำหนดหรือไม่ หลังจากเกิดหลายเหตุการณ์ที่ชวนให้ตั้งคำถามถึงความตั้งใจที่แท้จริงของฝ่ายบริหาร
โดยเฉพาะกรณีการยึดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงหลักในการดูแลข้าราชการส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ และการยกเลิกโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 ที่ใช้งบประมาณกว่า 157,000 ล้านบาท แล้วโยกงบดังกล่าวไปยังโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นแทน พร้อมระบุว่าจะกระจายเงินลงสู่ท้องถิ่น เพื่อดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำ การคมนาคม การท่องเที่ยว และอื่น ๆ
วรวุฒิ ย้ำว่า เหตุการณ์เหล่านี้ ไม่ได้สะท้อนถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลับให้ความรู้สึกว่า รัฐบาลกำลังเตรียมพร้อมในเรื่องการยุบสภา มากกว่าจะบริหารประเทศอย่างเต็มวาระ
พร้อมแสดงความเป็นห่วงต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มฐานราก ซึ่งอาจไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการบริหารของรัฐบาลในช่วงนี้ ทั้งที่สถานการณ์ปากท้องยังยากลำบาก ค่าครองชีพสูง และเศรษฐกิจระดับครัวเรือนยังเปราะบาง
พรรคไทยสร้างไทย จึงได้เสนอแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเสนอให้รัฐบาลนำงบประมาณ 157,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมใช้ในโครงการแจกเงินหมื่น มา จัดตั้งกองทุนเครดิตประชาชน จำนวน 50,000 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยประชาชนปลดหนี้นอกระบบได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน ตามตัวเลขประเมินของ SCB และยังเป็นทางออกสำหรับคนตัวเล็กที่ไม่มีเครดิต ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ย้ำว่ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SME) เกษตรกร และประชาชนทั่วไป กำลังรอความช่วยเหลือจากรัฐอย่างเร่งด่วน หากรัฐบาลยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ทันท่วงที กลุ่มคนเหล่านี้อาจล้มทั้งยืน และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว
