‘ชาญชัย อิสระเสนารักษ์’ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่ศาลฎีกา คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อรับฟังการไต่สวน กรณี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่
‘ชาญชัย’ ระบุว่า วันนี้มาสังเกตการณ์ในฐานะผู้ร้อง ย้ำคดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง แต่เป็นคดีที่ต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามระบบ พร้อมมองว่า ‘มติของแพทยสภา’ ที่สั่งลงโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษาทักษิณ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นองค์ประกอบที่สามารถเชื่อมโยงกันได้
ขณะเดียวกัน ‘ทนายนกเขา’ หรือ ‘นิติธร ล้ำเหลือ’ แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) พร้อมด้วย ‘นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ที่บริเวณศาลฎีกาเช่นกัน

โดย ทนายนกเขา ได้ตอบคำถามสื่อกรณี แพทยสภาคงมติลงโทษแพทย์ 3 คน กรณีรักษาทักษิณที่ ชั้น 14 ว่า ในส่วนของแพทยสภาถือว่าเป็นที่ยุติแล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับมติแล้วก็ไปศาลปกครองได้ และหลังจากนี้คงเห็นชัดเจนว่ากระบวนการพักโทษมีปัญหา บ่งชี้ถึงอาการป่วยของทักษิณว่าไม่วิกฤติจริง พร้อมมองว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาการพักโทษ อาจถูกดำเนินการตรวจสอบด้วย
นอกจากนี้ ทนายนกเขา ยังมองว่า รัฐบาลมีส่วนร่วมที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะว่าตัวนายกรัฐมนตรีต้องมีส่วนในการบังคับคดี และมีส่วนในการบริหารกระบวนการยุติธรรมด้วย ดังนั้น นายกฯ ต้องรับผิดชอบในกรณีที่ มีการบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกต้องหรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“สะเทือนอยู่แล้ว รัฐมนตรีทุกคน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ทุกคนเพิกเฉยหมด และคดีนี้ก็จะเป็นบรรทัดฐาน อาจจะย้อนกลับไปถึงกรณีที่มีการพักโทษจะสะเทือนหมด”
— ทนายนกเขา ระบุ

ด้าน นพ.ตุลย์ ระบุว่า ในกรณีนี้เมื่อมี ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เห็นว่ายังไม่มีการบังคับคดีอย่างถูกต้อง จึงมาร้องตาม ข้อบังคับ ที่ 62 ของข้อบังคับศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าบุคคลที่ พบเห็นว่ามีการกระทำผิดระหว่างการบังคับคดีสามารถร้องต่อศาลได้ ยืนยัน การบังคับคดี ไม่ใช่เรื่องของกรมราชทัณฑ์เพียงฝ่ายเดียว ย้ำว่าศาลยังมีอำนาจอยู่
“คืนที่ 22 สิงหาคม ต่อคืน 23 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ ชินวัตร ได้เปลี่ยนที่จากเรือนจำไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีความเห็นของแพทย์ทั้งที่กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจให้อยู่ตลอด180 วัน โดยส่วนตัวคนคิดว่าข้อเท็จจริงในเรื่องก็อาจจะมีส่วนสำคัญ แสดงว่าการบังคับคดียังไม่เกิดขึ้นแม้แต่วันเดียว ซึ่งจะมีผลว่าการบังคับคดีได้เกิดขึ้นแล้วหรือยัง และส่วนที่สองการพักโทษที่ได้รับอนุญาตโดย รมว.ยุติธรรม เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้ารวมทั้งสองส่วน ศาลโดยองค์คณะ พิจารณาว่าไม่ถูกต้องทั้งสองส่วน ท่านก็อาจจะมีหมายที่บอกว่านายทักษิณ อาจจะต้องกลับสู่เรือนจำตามหมายเดิมที่ให้จำคุก 1 ปี”
— นพ.ตุลย์ กล่าว
