อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเข้มงวดและเด็ดขาดต่อการค้ายาเสพติดข้ามพรมแดน โดยเฉพาะกับกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army / UWSA) หรือว้าแดง ซึ่งทักษิณระบุว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตยาเสพติดในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำ รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมเตือนว่าไทยอาจต้องดำเนินการเองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ หากเมียนมาไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์
“เราต้องให้ความร่วมมือกับเมียนมาอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หากเมียนมาไม่สามารถดำเนินการได้ เราอาจต้องดำเนินการเอง เนื่องจากเมียนมาถือเป็นศัตรูของเรา” ทักษิณ กล่าวในเวทีบรรยายพิเศษที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) การปรากฏตัวของทักษิณดึงดูดความสนใจจากสื่ออย่างมาก เนื่องจากเขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว ทำให้เกิดข่าวลือว่าเขาหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นศาล
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยมีกำหนดจะพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มว้าแดง และกดดันให้ว้าแดงยุติการผลิตยาเสพติด
“หากคุณยังผลิตต่อไป คุณคือศัตรูของประเทศไทย รัฐบาลไทยควรชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน” ทักษิณกล่าว
นี รัง โฆษกว้าแดงตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของทักษิณว่า “มันเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น พวกเขา (ไทย) ต้องแสดงหลักฐานเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตัวเอง เรากำลังต่อสู้กับยาเสพติดเหมือนกับที่พวกเขาทำ ทุกคนรู้ดีว่ามีกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มในพื้นที่ชายแดน เราต่อสู้กับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง...การที่ไทยอ้างว่ายาเสพติดมาจากดินแดนว้าไม่ได้หมายความว่าชาวว้าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเสมอไป เราอาศัยอยู่บริเวณชายแดน และการค้ายาเสพติดจากภายในประเทศจะต้องผ่านชายแดนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ทักษิณกล่าวถึงยาเสพติดผิดกฎหมายว่าเป็นภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะต่อเยาวชน “เรากำลังสูญเสียลูกหลานของเราไปกับปัญหานี้” และแสดงความเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถเดินทางได้อย่างอิสระเนื่องจากเขาต้องขออนุญาตศาลก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
นอกจากนี้ ทักษิณยังบอกอีกว่า เขาจะขออนุญาตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ลงพื้นที่ตรวจสอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดผิดกฎหมาย และรายงานผลการตรวจสอบของเขาต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ทราบต่อไป
ทักษิณยังเสนอให้แบ่งงบประมาณกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลมูลค่า 157,000 ล้านบาทไปเป็นทุนในการรณรงค์ปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บำบัดในทุกอำเภอ “ด้วยการจัดสรรงบประมาณใหม่นี้ ประชาชนจะไม่รู้สึกแย่กับความล่าช้าของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล” ทักษิณ บอก
(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)