‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งจะมีการพิจารณาคดี ในวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมก็จะมี 2 หน่วยที่เกี่ยวข้องคือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตนได้มีการสอบถามกับทั้ง 2 หน่วยงาน ก็มีความมั่นใจในการปฎิบัติหน้าที่ และถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปชี้แจงกับศาล เนื่องจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 2 หน่วยงาน ยึดกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไป และเป็นระบบหลักการของกฎหมายไทย เมื่อเราใช้กฎหมายเฉพาะแล้ว แต่ถ้ากฎหมายเฉพาะไม่สามารถคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ต้องขัง หรือญาติของบุคคลดังกล่าวได้ ก็จะใช้กฎหมายทั่วไป ซึ่งจะต้องไปขออำนาจศาล โดยในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ประกอบกับมาตรา 246 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ได้มีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงกับผลที่จะออกมาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราต้องสร้างความมั่นใจว่าอะไรที่เข้าไปสู่ศาลแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี และเราก็เคารพในคำตัดสินของศาล แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล และหน่วยงานก็ไม่ได้กังวล เพราะเขาปฏิบัติมา 100 กว่าปีแล้ว
มั่นใจ ‘กระทรวงยุติธรรม’ ไม่ใช่สายล่อฟ้า
ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี ในขณะนี้ว่า อยู่ที่นายกฯ ส่วนตัวขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปรับ ครม.แต่อย่างใด แต่พรรคอื่นไม่ทราบ ซึ่งพรรคประชาชาติเป็นพรรคเล็ก มีรัฐมนตรีคนเดียว พร้อมย้ำว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการนัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนท่าทีของพรรคเป็นอย่างไร เพราะล่าสุดมีเอกสารหลุดของพรรครวมไทยสร้างชาติ เรียกร้องให้ปรับ ครม. พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ทราบ เราไม่ได้ไปดูของพรรคอื่น และที่ผ่านมามั่นใจผลงานกระทรวงยุติธรรม ว่าทำงานได้ดีแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มี นโยบายเดียวคือต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรม และการบริหารกระบวนการยุติธรรมต้องมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปราศจากอคติ ที่สำคัญต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ก็ถือว่าเราทำหน้าที่อย่างนี้มาโดยตลอด
เมื่อถามว่า กระทรวงยุติธรรม ถือว่าเป็นสายล่อฟ้าหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า "กระทรวงยุติธรรมไม่ใช่สายล่อฟ้า แต่ขึ้นกับสถานการณ์และบริบทในช่วงนั้น ซึ่งรัฐมนตรีและข้าราชการ ต้องทำตามกฎหมาย ยึดกฏหมายเป็นหลัก”