รัฐบาลทรัมป์สั่งการให้สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกหยุดนัดทำวีซ่านักเรียนต่างชาติทันที เพื่อเตรียมดำเนินการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าทุกคนอย่างเข้มงวด
เอกสารคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศที่ออกเมื่อวันอังคาร (27 พ.ค.) ระบุให้ฝ่ายกงสุล ‘หยุด’ การนัดหมายทำวีซ่าสำหรับนักเรียน และโครงการแลกเปลี่ยน (ประเภท F, M และ J) จนกว่าจะมีการออกคำแนะนำเพิ่มเติมภายในไม่กี่วันข้างหน้า
คำสั่งนี้ซึ่งรายงานครั้งแรกโดยสำนักข่าว Politico และได้รับการยืนยันโดยสำนักข่าว The Guardian อาจทำให้กระบวนการขอวีซ่าล่าช้าอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่พึ่งพารายได้จากนักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งทรัมป์มักกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยเหล่านี้มีแนวคิดฝ่ายซ้ายจัด
เอกสารระบุว่า “กระทรวงกำลังทบทวนกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองผู้สมัครวีซ่านักเรียนและนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีอยู่ โดยมีแผนจะออกแนวทางเกี่ยวกับการตรวจสอบโซเชียลมีเดียในวงกว้างสำหรับผู้สมัครทั้งหมด”
มาตรการนี้ถือเป็นการขยายความเข้มงวดจากมาตรการตรวจสอบในปัจจุบัน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักศึกษาที่เข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัย
ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กงสุลของสหรัฐฯ ถูกสั่งให้ทำการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าอย่างเข้มงวด เพื่อค้นหาหลักฐานการสนับสนุน ‘กิจกรรมก่อการร้ายหรือองค์กรก่อการร้าย’ ซึ่งอาจครอบคลุมไปถึงการแสดงการสนับสนุนปาเลสไตน์
คำสั่งดังกล่าวยังระบุให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพหน้าจอเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานถาวร แม้ว่าภายหลังโพสต์จะถูกลบไปแล้วก็ตาม
ในขณะนี้ การตรวจสอบโซเชียลมีเดียจะขยายไปยังผู้สมัครวีซ่านักเรียนทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่มีประวัติการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือกิจกรรมประท้วงเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตรวจสอบโพสต์ แชร์ และคอมเมนต์ของผู้สมัครในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Instagram, X และ TikTok เพื่อค้นหาสิ่งที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ในการต่อสู้กับลัทธิต่อต้านยิว (antisemitism)
รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ เปิดเผยต่อวุฒิสมาชิกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “มีการเพิกถอนวีซ่าของนักศึกษาไปแล้ว น่าจะหลายพันคนในขณะนี้” ซึ่งเพิ่มขึ้นจากกว่า 300 คนที่รายงานในเดือนมีนาคม และยังระบุว่า “ผมไม่ทราบจำนวนล่าสุด แต่คาดว่ายังมีอีกมากที่ต้องดำเนินการ”
ตามข้อมูลจาก NAFSA สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศระบุว่า มีนักเรียนต่างชาติมากกว่าหนึ่งล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เกือบ 43,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.43 ล้านล้านบาท) และสนับสนุนงานกว่า 378,000 ตำแหน่งในช่วงปี 2023-2024
การระงับนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าในครั้งนี้จึงเป็นภัยคุกคามที่จะเพิ่มความท้าทายต่อสถาบันระดับอุดมศึกษาที่กำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของจำนวนนักเรียนต่างชาติอยู่แล้ว
(Photo by Rick Friedman / AFP)