ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ‘ระงับ’ การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืน (10 เม.ย.) ที่ผ่านมา ยกเว้นจีน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลังจากที่ทรัมป์ยืนกรานว่าภาษีศุลกากรที่สูงเป็นประวัติการณ์จะคงอยู่ต่อไป
แต่สำหรับจีนจะยังคงถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีในอัตราสูงต่อไป โดยทรัมป์กล่าวว่าจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจาก 104% เป็น 125% หลังจากที่จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 84% ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ต้องเสียภาษีตอบโต้กันในวันพุธ (9 เม.ย.) ภาษีนำเข้าจะลดลงมาอยู่ที่อัตราภาษีสากล 10%
“จากการที่จีนขาดความเคารพต่อตลาดโลก ผมจึงขอปรับขึ้นภาษีนำเข้าเป็น 125% โดยจะมีผลทันที ในอนาคตอันใกล้นี้ จีนจะตระหนักว่าการเอาเปรียบสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ นั้นไม่ยั่งยืนหรือเป็นที่ยอมรับได้อีกต่อไป” ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังการประกาศดังกล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรจบลง แต่เรามีความศรัทธาอย่างล้นหลามจากประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนด้วย จีนต้องการทำข้อตกลง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับสำนักข่าว CNN ว่า “เม็กซิโกและแคนาดาจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% สินค้าเกือบทุกรายการที่มาจากทั้งสองประเทศจะยังคงถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% เว้นแต่จะปฏิบัติตามข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ซึ่งในกรณีนี้จะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม กฎนี้ไม่ได้ใช้กับภาษีนำเข้าเฉพาะภาคส่วนที่ทรัมป์กำหนด”
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทโล่งใจที่ทรัมป์ยอมลดมาตรการการค้าสุดโต่งอื่นๆ ลง หุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป แม้ว่าภาษีนำเข้าสากล 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ จะยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ก็ตาม
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 7.87% ในวันพุธ (9 เม.ย.), ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 9.5%, ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น 12.2% สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากตลาดได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแนวโน้มภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างมากที่ทรัมป์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการประกาศ ทรัมป์กล่าวว่า “นี่เป็นเวลาที่ดีเยี่ยมที่จะซื้อ (หุ้น)!!!” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าการตัดสินใจของเขาที่จะเดินหน้าต่อไปโดยมีการหยุดชะงักนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนที่เริ่มเอะอะโวยวาย
ไม่นานหลังจากการประกาศ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่า “การระงับภาษีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของทรัมป์ตลอดมา...ทรัมป์มีความกล้าหาญอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าต่อไปจนถึงวินาทีนี้”
เศรษฐกิจจะถดถอยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ...
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าการประกาศ ‘ระงับ’ การเรียกเก็บภาษีกับประเทศที่ไม่ตอบโต้สหรัฐฯ เป็นเวลา 3 เดือน อาจเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน แต่ก็ไม่น่าจะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
“ความรู้สึกของผมก็คือ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจต้องเผชิญผลกระทบหลายอย่างพร้อมกัน สิ่งที่ทำได้ก็คือการเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าที่ลงโทษพันธมิตรทางการค้าของสหรัฐฯ ออกไปชั่วคราว” โจ บรูซูเอลาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทตรวจสอบบัญชีภาษี (RSM US) เปิดเผยกับ CNN
เจค โคลวิน ประธานสภาการค้าต่างประเทศแห่งชาติกล่าวว่า “การระงับภาษีนี้ถือเป็น ‘ทิศทางที่ถูกต้อง’” แต่เขาเตือนว่า “อย่าได้เฉลิมฉลองกับความจริงที่ดูเหมือนว่ายังคงมีการเก็บภาษีศุลกากรใหม่ 10% กับประเทศส่วนใหญ่ รวมทั้งการจัดเก็บภาษีจีน โดยเฉพาะสินค้าจำพวกเหล็ก อลูมิเนียม และรถยนต์ในปริมาณมาก พร้อมทั้งคำสัญญาว่าจะมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมตามมา”
“ในที่สุด การระงับภาษีดังกล่าวก็จะไม่ได้ช่วยบรรเทาความไม่แน่นอนของธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้น...” โคลวิน กล่าว
(Photo by SAUL LOEB / AFP)
