ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ว่า สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอย่างน้อย 14 ประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยทรัมป์ได้โพสต์ภาพจดหมายที่ส่งถึงผู้นำของประเทศต่างๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, คาซัคสถาน, แอฟริกาใต้, ลาว, เมียนมา, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, ตูนิเซีย, อินโดนีเซีย, บังกลาเทศ, เซอร์เบีย, กัมพูชา, และไทย เพื่อแจ้งอัตราภาษีใหม่ที่จะต้องจ่ายให้สหรัฐฯ

ทรัมป์ระบุว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกดดันให้ประเทศคู่ค้าต่อรองข้อตกลงการค้าใหม่กับสหรัฐฯ โดยหากประเทศใดสามารถตกลงกับสหรัฐฯ ได้ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม อาจได้รับการยกเว้น หรือปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว
ทั้งนี้ สินค้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4% ของสินค้านำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษี 25% เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่ระบุไว้ข้างต้น ขณะที่สินค้าจากลาวและเมียนมาจะถูกเก็บภาษีสูงสุดถึง 40%
มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ระงับการขึ้นภาษีเดิมเป็นเวลา 90 วันเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจา แต่ความคืบหน้าในการทำข้อตกลงยังมีจำกัด จึงมีการขยายเส้นตายและแจ้งเตือนประเทศต่างๆ อีกครั้ง
ทรัมป์ยังเตือนว่าหากประเทศเหล่านี้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ หรือพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการผ่านการส่งสินค้าผ่านประเทศที่ 3 ไม่เช่นนั้น สหรัฐฯ อาจพิจารณาขึ้นภาษีเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตาม 14 ประเทศที่ประกาศไปนั้นไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ ข้อมูลของสำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า แม้ในปี 2024 สหรัฐฯ จะมีการขาดดุลสินค้ากับญี่ปุ่น 68,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) และขาดดุลกับเกาหลีใต้ 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท) แต่ขาดดุลกับเมียนมาอยู่ที่ 579.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 หมื่นล้านบาท)
สินค้าหลักที่สหรัฐฯ นำเข้าจากแต่ละประเทศ
- ญี่ปุ่น : รถยนต์, เครื่องจักร, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- เกาหลีใต้ : รถยนต์, เครื่องจักร, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- คาซัคสถาน : น้ำมันดิบ, โลหะผสม
- มาเลเซีย : ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักร
- แอฟริกาใต้ : โลหะมีค่า (เช่น เพชร ทองคำ), รถยนต์
- ลาว : เส้นใยออปติก, แว่นตา, เสื้อผ้า
- เมียนมา : ที่นอนและเครื่องนอน รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องหนัง
“หากคุณตัดสินใจขึ้นภาษีด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกขึ้นเท่าไร ภาษีตอบโต้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก 25% จากอัตราที่เราเรียกเก็บ”
“หากประเทศเหล่านั้นยกเลิกนโยบายภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี รวมถึงอุปสรรคทางการค้า สหรัฐฯ อาจพิจารณาปรับลดอัตราภาษีที่ประกาศไว้ในจดหมายนี้”
“อัตราภาษีเหล่านี้อาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแต่ละประเทศ โดยทรัมป์ยืนยันว่า “คุณจะไม่ผิดหวังกับสหรัฐอเมริกา”” จดหมายระบุ


อินโฟกราฟฟิกโดย : สันติ อมรสถิตย์
ภาพประกอบ : อรนรร จิรชลมารค