ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จุดชนวนสงครามการค้าอีกครั้งด้วยการขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากกว่า 14 ประเทศตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยส่งจดหมายแจ้งไปยังผู้นำประเทศเหล่านี้ รวมถึงพันธมิตรสำคัญอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งจะถูกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตรา 25% ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ไทย แอฟริกาใต้ และมาเลเซีย จะถูกเก็บภาษีในอัตราระหว่าง 25-40% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนอีกครั้งในเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนจากสงครามการค้า ซึ่งรัฐบาลทรัมป์เปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าสามารถเจรจาข้อตกลงได้ แม้จะประกาศเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมสำหรับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ก็ตาม
“เส้นตายนี้ ‘แน่นอน’ แต่ไม่ 100%” ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เมื่อถูกถามว่ากำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมนั้นแน่นอนหรือไม่ ซึ่งนั่นหมายความว่า ‘ยังมีความยืดหยุ่นสำหรับการเจรจา’
“ผมจะบอกว่ามันคงเป็นรอบสุดท้าย แต่ถ้าพวกเขาโทรมาเสนอข้อเสนอใหม่ แล้วถ้าผมชอบ เราก็จะทำข้อตกลงนั้น”
— ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล
ข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาขยายเวลาการเจรจาออกไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม โดยจะส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่ให้กับประเทศคู่ค้าประมาณ 100 ประเทศที่ยังไม่บรรลุข้อตกลง โดยอัตราภาษีจะมีตั้งแต่ 10-70% ขึ้นอยู่กับประเทศและสถานการณ์การเจรจา
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังได้เตือนว่าหากประเทศใดตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ สหรัฐฯ ก็จะเพิ่มอัตราภาษีที่กำหนดไว้ให้สูงขึ้นอีกตามจำนวนที่ประเทศนั้นขึ้นภาษี
การขยายเวลานี้สร้างความไม่แน่นอนใหม่ในเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนจากสงครามการค้า แม้จะเลื่อนเส้นตาย แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่าภาษีจะเริ่มบังคับใช้จริงในวันที่ 1 สิงหาคม และพร้อมจะเดินหน้ากับมาตรการที่ประกาศไว้ หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น
จนถึงขณะนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าที่ชัดเจนแล้วกับเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ สหราชอาณาจักร และ เวียดนาม รวมถึงข้อตกลงในการลดระดับภาษีตอบโต้ที่สูงมากกับจีน
(Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP)