ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ สมาชิกแพทยสภา และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เดินทางมาติดตามการประชุมแพทยสภา เรื่องพิจารณาลงโทษ 3 แพทย์ กรณีรักษาอาการป่วยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
นพ.ตุลย์ ระบุว่า “วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข โดยวันนี้มาติดตามคำชี้แจงของสมศักดิ์ถึงเหตุผลของการวีโต้”
“แต่ส่วนตัวผมมองว่า จากที่เห็นในเอกสาร เชื่อว่าความเห็นของสมศักดิ์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้แพทยสภาเปลี่ยนมติ”
ส่วนความเห็นที่ระบุว่าบทลงโทษไม่รุนแรงนั้น นพ.ตุลย์ ระบุว่า หากเป็นการให้ข้อมูลในเอกสารทางการแพทย์ ที่ใช้คำว่าอันไม่ตรงกับความเป็นจริง ตามมาตรา 16 ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โทษขั้นแรกสุดคือพักใบประกอบวิชาชีพ 6 เดือน
ทั้งนี้ นพ.ตุลย์ มีข้อสังเกตว่า รอบนี้มีการกดดันแพทยสภาเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าแพทยสภาจะไม่หวั่นไหว เพราะได้นำเอกสารมาเทียบกับการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาอุปนายกแพทยสภาก็ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤตจริง ซึ่งจะยึดเรื่องนี้เป็นตัวตั้ง
ส่วนประเด็นที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุว่าประชาชนมีความไม่เชื่อมั่นแพทยสภาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นพ.ตุลย์ มองว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนอาจไม่ทราบว่าแพทยสภามีหน้าที่อะไร จึงขอให้มั่นใจในวิชาชีพแพทย์ เพราะแพทยสภาเป็นองค์กรที่สำคัญ เป็นองค์กรที่ตั้งมาตรฐาน และตรวจสอบมาตรฐาน หากมีใครทำผิดมาตรฐานด้วยการได้รับการร้องเรียนมา แพทยสภาก็ต้องเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนกรณีที่เกิดความไม่เชื่อมั่นจากกระแสข่าวดังกล่าว เช่น เรื่องแชตหลุดของกรรมการแพทยสภาบางท่าน นพ.ตุลย์ มองว่า “เป็นเรื่องส่วนบุคคล”
ส่วนที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยมติที่ประชุมต่อสาธารณชนนั้น นพ.ตุลย์ ระบุว่า อาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่หากองค์ประชุมมาครบ 69 คน ก็อยากเห็นมติออกมาเป็น 69 : 0 จะได้ไม่ต้องมานั่งเดาว่าใครลงคะแนนว่าอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินการตัดสิน
ส่วนข้อเสนอให้มีการยกเลิกตำแหน่งสภานายกพิเศษ เพราะเป็นตำแหน่งทางการเมืองนั้น นพ.ตุลย์ มองว่า “ทุกตำแหน่งทางการเมือง เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ที่ต้องใช้ตำแหน่งตัวเองให้ถูกต้อง และตระหนักรู้ถึงหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งทางการเมือง หรืออะไรก็ตาม คิดว่าขึ้นอยู่ที่ท่านได้ใช้ตำแหน่งของท่านอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาอดีต รมว.สาธารณสุข หลายคน ก็ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองอย่างถูกต้อง”
ซึ่งส่วนตัวมองว่า ตำแหน่งสภานายกพิเศษเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลด้านการบริหารนโยบาย และเชื่อว่าแพทยสภาจะรับฟังความเห็น พร้อมยืนยันว่ากรรมการแพทยสภาทุกคนมีวิจารณญาณเพียงพอ และพร้อมชั่งน้ำหนักจากเอกสารข้อมูลเดิมที่มี และความเห็นของสมศักดิ์ว่าข้อมูลใดมีเหตุผลมากกว่ากัน
นพ.ตุลย์ ยังระบุว่า เท่าที่ทราบ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีสภานายกพิเศษเข้าร่วมประชุมกับแพทยสภามาก่อน แต่ครั้งนี้ สมศักดิ์คงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากเข้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง ซึ่งแพทยสภาก็ยินดีจะรับฟัง