รู้จัก “ปราสาทตาเมือนธม” และ “ปราสาทตาควาย” โบราณสถานชายแดนไทยที่ไม่ควรมีข้อพิพาท

16 มิ.ย. 2568 - 07:17

  • ทั้งสองปราสาทอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ฝั่งประเทศไทยกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนและดูแลมานานหลายสิบปี

  • หากมีความพยายามจากกัมพูชาที่จะอ้างสิทธิ ต้องพิจารณาบนหลักฐานจริงและหลักสากล

รู้จัก “ปราสาทตาเมือนธม” และ “ปราสาทตาควาย” โบราณสถานชายแดนไทยที่ไม่ควรมีข้อพิพาท

ปราสาทตาเมือนธม — อยู่ในไทยอย่างถูกต้อง 

กรมศิลปากรยืนยันมาตั้งแต่ปี 2478 ว่า “ปราสาทตาเมือนธม” ตั้งอยู่ฝั่งประเทศไทย โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้กว่า 90 ปีแล้ว ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี 

ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ช่องเขาตาเมือน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ บนเนินเขาที่มีหินศักดิ์สิทธิ์รูป “สยัมภูศิวลึงค์” เป็นศูนย์กลางศาสนสถาน ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูในอดีต 

Two-palace-in-surin-SPACEBAR-Photo03.jpg

ชื่อ “ธม” แปลว่า “ใหญ่” ในภาษาเขมร บ่งบอกว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุด ในกลุ่มปราสาท 3 หลัง ได้แก่ ตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด และตาเมือน 

ที่ผ่านมาทั้งไทยและกัมพูชารับรู้ร่วมกันเรื่องสถานที่ตั้ง กรมศิลปากรไทยก็ได้บูรณะ และ ททท. ได้โปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง 

หากกัมพูชาจะอ้างสิทธิในพื้นที่นี้ ไทยควรยืนบนหลักการสากลเรื่อง “เส้นสันปันน้ำ” ที่ใช้กำหนดเขตแดนอย่างชัดเจน และต้องถือว่าการที่ทหารกัมพูชาเข้ามาถึงปราสาทนั้นเป็น “การรุกล้ำอธิปไตย”

Two-palace-in-surin-SPACEBAR-Photo04.jpg

ปราสาทตาควาย — โบราณสถานที่ยังสร้างไม่เสร็จ 

รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ปราสาทกรอเบย” ตั้งอยู่ในเขตบ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก สุรินทร์ ห่างจากปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันออกประมาณ 12 กิโลเมตร 

ตัวปราสาทเป็นศิลาแลงผสมศิลาทราย วางผังเป็นรูปกากบาท หันหน้าไปทางตะวันออก มีหลังคาทรงยอดปรางค์ซ้อน 5 ชั้น ลักษณะสถาปัตยกรรมบ่งชี้ว่า น่าจะสร้างในช่วงปลายสมัยนครวัด ต้นสมัยบายน (ราวพุทธศตวรรษที่ 17 – 18) 

Two-palace-in-surin-SPACEBAR-Photo01.jpg

จุดน่าสนใจคือ ปราสาทนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีการขัดแต่งผิวหินหรือแกะสลักลวดลาย ทำให้หลงเหลืออยู่ได้โดยไม่ถูกลักลอบทำลาย ด้านในมีรูปสวายยัมภูศิวลึงค์ 1 ชิ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาฮินดูและศูนย์กลางความศักดิ์สิทธิ์ในอดีต 

Two-palace-in-surin-SPACEBAR-Photo02.jpg

ทั้งสองปราสาทอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ฝั่งประเทศไทยกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนและดูแลมานานหลายสิบปีหากมีความพยายามจากกัมพูชาที่จะอ้างสิทธิ ต้องพิจารณาบนหลักฐานจริงและหลักสากล ไม่ใช่การปลุกกระแสเหมือนกรณี “ปราสาทพระวิหาร” อย่าทำให้สิ่งที่ไม่ใช่ข้อพิพาท กลายเป็นข้อพิพาท 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์