ปราสาทตาเมือนธม — อยู่ในไทยอย่างถูกต้อง
กรมศิลปากรยืนยันมาตั้งแต่ปี 2478 ว่า “ปราสาทตาเมือนธม” ตั้งอยู่ฝั่งประเทศไทย โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้กว่า 90 ปีแล้ว ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ช่องเขาตาเมือน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ บนเนินเขาที่มีหินศักดิ์สิทธิ์รูป “สยัมภูศิวลึงค์” เป็นศูนย์กลางศาสนสถาน ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูในอดีต

ชื่อ “ธม” แปลว่า “ใหญ่” ในภาษาเขมร บ่งบอกว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุด ในกลุ่มปราสาท 3 หลัง ได้แก่ ตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด และตาเมือน
ที่ผ่านมาทั้งไทยและกัมพูชารับรู้ร่วมกันเรื่องสถานที่ตั้ง กรมศิลปากรไทยก็ได้บูรณะ และ ททท. ได้โปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง
หากกัมพูชาจะอ้างสิทธิในพื้นที่นี้ ไทยควรยืนบนหลักการสากลเรื่อง “เส้นสันปันน้ำ” ที่ใช้กำหนดเขตแดนอย่างชัดเจน และต้องถือว่าการที่ทหารกัมพูชาเข้ามาถึงปราสาทนั้นเป็น “การรุกล้ำอธิปไตย”

ปราสาทตาควาย — โบราณสถานที่ยังสร้างไม่เสร็จ
รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ปราสาทกรอเบย” ตั้งอยู่ในเขตบ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก สุรินทร์ ห่างจากปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันออกประมาณ 12 กิโลเมตร
ตัวปราสาทเป็นศิลาแลงผสมศิลาทราย วางผังเป็นรูปกากบาท หันหน้าไปทางตะวันออก มีหลังคาทรงยอดปรางค์ซ้อน 5 ชั้น ลักษณะสถาปัตยกรรมบ่งชี้ว่า น่าจะสร้างในช่วงปลายสมัยนครวัด ต้นสมัยบายน (ราวพุทธศตวรรษที่ 17 – 18)

จุดน่าสนใจคือ ปราสาทนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีการขัดแต่งผิวหินหรือแกะสลักลวดลาย ทำให้หลงเหลืออยู่ได้โดยไม่ถูกลักลอบทำลาย ด้านในมีรูปสวายยัมภูศิวลึงค์ 1 ชิ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาฮินดูและศูนย์กลางความศักดิ์สิทธิ์ในอดีต

ทั้งสองปราสาทอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ฝั่งประเทศไทยกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนและดูแลมานานหลายสิบปีหากมีความพยายามจากกัมพูชาที่จะอ้างสิทธิ ต้องพิจารณาบนหลักฐานจริงและหลักสากล ไม่ใช่การปลุกกระแสเหมือนกรณี “ปราสาทพระวิหาร” อย่าทำให้สิ่งที่ไม่ใช่ข้อพิพาท กลายเป็นข้อพิพาท