คอนเสิร์ตครั้งนี้เรารู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและอารมณ์ที่หลากหลาย ได้เห็นถึงความสามารถอันน่าทึ่งของแอ้ม อัจฉริยาในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่เข้าถึงใจผู้คน และยังได้สัมผัสถึงความผูกพันระหว่างศิลปินและแฟนเพลงอย่างแท้จริง มนต์ขลังของเสียงดนตรีใน “HER VERSE & HIS VOICE CONCERT” Written by AMP ACHARIYA ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจากปลายปากกาของ "ควีน ออฟ ทีป๊อป" ผู้ซึ่งไม่เพียงเป็นโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงที่เก่งกาจแต่ยังเป็นผู้รังสรรค์แรงบันดาลใจให้กับศิลปินและผู้ฟังนับไม่ถ้วน คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรวมเพลงฮิตแต่เป็นการเดินทางผ่านเรื่องราวและความหมายที่ซ่อนอยู่ในทุกตัวโน้ตทุกคำร้องที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นมา

เริ่มต้นขึ้นอย่างงดงามด้วย นุนิว ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ท่ามกลางฉากหลังของห้องโทนสีม่วงที่ประดับประดาด้วยเมฆและดวงดาวส่องประกายระยิบระยับราวกับหลุดเข้าไปในห้วงอวกาศแห่งความรัก แสงสีม่วงอ่อนโยนขับเน้นให้บทเพลง “รักแท้” และ “จนนิรันดร์” ยิ่งไพเราะจับใจ น้ำเสียงของนุนิวถ่ายทอดความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคงได้อย่างลึกซึ้ง สร้างความประทับใจตั้งแต่ช่วงแรกของคอนเสิร์ต
ต่อด้วย ป๊อป ปองกูล ที่ปรากฏตัวในห้องโทนสีครามที่ให้ความรู้สึกเหงาแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของโคมไฟที่ส่องสว่างเบาๆ บรรยากาศชวนให้นึกถึงมุมสงบๆ ในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับ “ภาพจำ” ที่ใครๆ ต่างต้องนึกถึงเขาทันทีที่ได้ยิน ทำเอาผู้ชมหลายคนต้องถอนหายใจไปกับความทรงจำเก่าๆ ที่ผุดขึ้นมา และก่อนที่จะเปลี่ยนอารมณ์แอ้มได้เล่าเรื่องราวเบื้องหลังเพลงถึงบางความสัมพันธ์ต้องจบลง โดยกว่าจะแต่งเพลงนี้ออกมาได้ต้องใช้เวลาและความลึกซึ้งในการค้นหาความหมายกลั่นกรองออกมาเป็นเพลง ‘Happy Ending’ สำหรับความสัมพันธ์ที่ต้องจบลงอย่างสวยงาม ช่างเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงมุมมองการเขียนเพลงของแอ้ม อัจฉริยาที่ละเอียดอ่อนและเข้าใจชีวิตอย่างแท้จริง

จากนั้นเวทีก็สว่างไสวขึ้นอีกครั้งกับการปรากฏตัวของ นนท์ ธนนท์ ซึ่งออกมาถ่ายทอดบทเพลง “รักแรก” ได้อย่างน่าประทับใจ แน่นอนว่ามุกแซวระหว่างนนท์กับแอ้มสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับทุกคนในฮอลล์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง “พิง” ที่ทุกคนร่วมกันร้องเพื่อมอบให้กับแอ้ม เป็นช่วงเวลาที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันและแรงบันดาลใจที่แอ้มมีต่อศิลปินและวงการเพลงไทย
เมื่อถึงคิวของ บิวกิ้น เขาปรากฏกายผ่านหน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นวิวตึกยามค่ำคืนที่ส่องแสงระยิบระยับ บรรยากาศเหมือนกำลังยืนยิ้มให้กับภาพความสุขที่อยู่ตรงหน้า บทเพลง “ฉันชอบเวลาที่อยู่กับเธอ” ของบิวกิ้นถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความสดใสและอบอุ่นราวกับกำลังบอกเล่าเรื่องราวความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ตามมาด้วย พีพี กฤษฏ์ ที่มาพร้อมกับฉากดิสโก้สีชมพูม่วงวิบวับ แสงไฟนีออนที่สะท้อนไปมาสร้างบรรยากาศแห่งความสนุกสนานและรู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระ พีพีนำเสนอเพลง “โคตรพิเศษ” ได้อย่างมีสไตล์และน่าดึงดูดใจ สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้อย่างชัดเจน

จากนั้นเป็นช่วงของ URBOYTJ (ทีเจ) ที่มาในฉากยุคอเมริกัน Retro ทีเจเล่าถึงการทำเมโลดี้ร่วมกับพี่แอ้มจนกลายเป็นเพลงขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจและเนื้อหาเพลงก็ดีมากๆ เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของการทำงานร่วมกันของนักแต่งเพลงและศิลปิน ต่อด้วยเพลงที่ผสมผสานความเท่และอาร์ตเข้าไว้ด้วยกัน "เค้าก่อน" เริ่มต้นด้วยบีทแร็ปที่แน่น เสียงของ F.HERO ไหลลื่นเหมือนสายน้ำแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่มาพร้อมฉากสีสะท้อนแสงฟ้าแดงชมพูในโทนฮิปๆ ชวนให้โยกตาม ก่อนจะตัดอารมณ์ด้วย “Sad Movie” ที่ฉากเป็นทีวีไม่มีภาพเหมือนภาพตัดและโทนสีแดงน้ำเงินหม่นๆ สร้างความรู้สึกเหงาและอ้างว้างได้อย่างลึกซึ้ง

ในส่วนของเมดเล่ย์ที่น่าประทับใจ เพลง “พระอภัยมณี” ถูกนำเสนอผ่านฉากที่แบ่งเป็นห้องๆ พร้อมสีสันแตกต่างกันไปราวกับกำลังสำรวจอารมณ์และเรื่องราวที่หลากหลาย ตามมาด้วย “เป็นไรไหม” ที่ฉากถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งคือร้อนและเย็น สะท้อนความขัดแย้งภายในใจได้อย่างชัดเจน “สลักจิต” ก็มาพร้อมฉากหน้าต่างที่แบ่งเป็นกลางวันและกลางคืน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและอารมณ์ “Undo”
จากเสียงของ ป๊อป ปองกูล และ F.HERO มาในบรรยากาศคลาสสิกด้วยนาฬิกาเก่าสีทองและเงิน ให้ความรู้สึกย้อนยุคและลึกลับ “ดอกไม้ที่รอฝน” จากเสียงของ นุนิว และ URBOYTJ (ทีเจ) ถูกเนรมิตด้วยฉากดอกไม้สีฟ้า-น้ำเงินวิบวับ ตัดกับสีโทนร้อนอย่างส้ม-เหลือง สร้างความรู้สึกของความหวังที่ปะปนกับความเศร้าและ “เส้นบางๆ” จากเสียงของ ป๊อป ปองกูล และ นนท์ ธนนท์ น้ำเสียงทั้งสองทำให้คนทั้งฮอลล์อินไปกับความรู้สึกของเพลงได้เป็นอย่างดีพร้อมกระจกเงาที่สะท้อนภาพและหน้าไพ่หรูหราที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งคือแดงและฟ้า ราวกับกำลังเล่นกับโชคชะตาและความจริง

ไฮไลต์อีกช่วงหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นคือการเล่าเรื่องผ่านเพลงต่างๆ เสมือนเป็นเมดเล่ย์พร้อมฉากละครที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้มู้ดของเพลงยิ่งเข้าถึงเนื้อเพลงและท่วงทำนองได้อย่างลึกซึ้ง และที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านั่นคือตัวละครลับ น้องบลู ที่มาร่วมแสดงเป็นพระเอกประกอบความหมายของเพลงแต่ละเพลง ไม่ว่าจะเป็น “รู้งี้ป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว”, “ใจสมใจ”, “ห่างกันสักพัก”, “รักได้รักไปแล้ว”, “เวลา” และ “รักเอ๋ย” เป็นการผสานดนตรีเข้ากับการแสดงได้อย่างลงตัว พาให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมา

และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย แอ้ม อัจฉริยา ได้ขึ้นเวทีมาร้องเพลงด้วยตัวเอง และที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นยังมีบทเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ “Written by Love” ที่แอ้มเขียนด้วยหัวใจเพื่อเป็นของขวัญให้แก่คนดูตามคาแรกเตอร์คนเขียนเพลงที่มักเล่าเรื่องแทนความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดตรงๆ เสียงร้องที่ทรงพลังและเปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ของเธอสะกดทุกคนในฮอลล์ ทุกเนื้อเพลงทุกท่วงทำนองที่เปล่งออกมาล้วนงดงามและลึกซึ้ง ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเก่งกาจของเธอในฐานะทั้งโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงอย่างแท้จริง สมแล้วกับฉายา "ควีน ออฟ ทีป๊อป"

คอนเสิร์ตปิดท้ายลงอย่างสวยงามด้วยการร่วมกันร้องคาราโอเกะไปกับแฟนเพลง หลากหลายเพลงต่างๆ ที่ทุกคนรู้จักและมียอดวิวไม่น้อย ทุกคนในฮอลล์ร้องเพลงด้วยกันอย่างมีความสุขในบรรยากาศอบอุ่น เป็นการปิดคอนเสิร์ตนักแต่งเพลงที่นานๆ จะมีสักครั้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นศิลปินที่มาร่วมแสดง ฉากประกอบต่างๆ ไปจนถึงบทเพลงที่ดีงามล้วนสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม คอนเสิร์ตของนักแต่งเพลงนั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัวจริงๆ เพราะมันคือการได้สัมผัสถึงหัวใจของเพลงอย่างแท้จริง “แอ้มเก่งสมคำร่ำลือ เพลงเพราะ ความหมายดี ศิลปินทั้ง 7 คนที่มาคุณภาพมากๆ หูเคลือบทอง!!” คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงเลยเพราะ “HER VERSE & HIS VOICE CONCERT” Written by AMP ACHARIYA คือการรวมตัวของ TOP VOCAL แห่งยุคกับ STAGE PERFORMANCE ระดับ MASTERPIECE ที่ทำให้ทุกคนที่ได้ชมต่างประทับใจและจบลงอย่างสวยงามในความทรงจำของผู้ฟังทุกคน