“ความเป็นมนุษย์บนเศษซากอารยธรรมของทุนนิยม
บทสรุปที่น่าสนใจของ SQUID GAME ซีซัน 3
ทุกอย่างจบลงอย่างสมศักดิ์ศรีของการเป็นซีรีส์เบอร์ต้นๆ ของ Netflix”
เดินทางมาถึงซีซันสุดท้ายอย่างเป็นทางการสำหรับ SQUID GAME เกมเล่นลุ้นตาย ที่ในฝั่งของประเทศเกาหลีใต้เนื้อเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ ก่อนที่จะมีการเดินทางไปสร้างภาคต่อตามประเทศต่างๆ ต่อไป ทำให้การมาของซีซันนี้จึงเป็นที่น่าตื่นเต้นและแฟนซีรีส์เรื่องนี้ต่างลุ้นกันว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะจบลงอย่างไร? ฉะนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เกิดการสปอยล์กันไปมากกว่านี้นี่คือการรีวิวจากการดูซีรีส์เรื่องนี้ที่เมื่อดูแล้วทำให้เกิดข้อคิดว่าบางครั้งความเป็นมนุษย์ยังสำคัญเสมอกับวงจรของทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยเงินตราและอำนาจ
ในซีรีส์ภาคนี้หากให้รีวิวจริงๆ ต้องบอกว่ามีการใช้วิธีการเล่าเรื่องที่เพิ่มความรุนแรงในการเล่นกับจิตใจของคนดูและแลนดิ้งลงด้วยสัจธรรมที่มนุษย์ทุกคนเพิ่งจะมีหรือตระหนักได้ การที่เราได้เห็นตัวละครที่มาพร้อมโชคในระดับเทพอย่างกีฮุนผ่านภารกิจต่างๆ ไปได้จนถึงจุดที่เขาคิดได้ว่าอุดมการณ์และสิ่งสำคัญที่แท้จริงคืออะไร ทุกอย่างจะได้รับการคลี่คลายในภาคนี้ รวมไปถึงการเล่าเรื่องของตัวละครสำคัญอย่างเด็กทารกลูกของหมายเลข 222 ซึ่งในทีเซอร์ได้มีการเฉลยออกมาแล้วว่าจะมีการคลอดลูกในการแข่งขันครั้งนี้ การมาถึงของเด็กคนนี้นี่แหละที่จะเปลี่ยนความคิดของกีฮุนไปตลอดกาล ทั้งอุดมการณ์ตั้งต้นที่ต้องการจะล้มเลิกไปจนถึงจุดสุดท้ายที่กีฮุนทำให้ทั้งผู้คุมเกมและทุกคนที่ดูซีรีส์เรื่องนี้อยู่ได้รู้ว่าความเป็นมนุษย์มันคืออะไรกันแน่?
โดยรวม SQUID GAME ในภาคนี้ถือว่าครบรสชาติมากกว่าภาค 2 สมใจหลายคนที่อยากเห็นเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบของแต่ละตัวละครที่ต้องเผยออกมาเพื่อความอยู่รอด เพิ่มเติมคือภาคนี้ยังได้สร้างกระจกสะท้อนให้คอซีรีส์ทุกคนได้กลับมาสำรวจตัวเองอีกครั้งว่าในโลกของทุนนิยมที่หมุนไปด้วยเงินตรา อำนาจและการใช้ชีวิตที่สุขสบายบางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยสิ่งสำคัญในชีวิตเสมอ การตัดสินใจเป็นคนดี มีจิตใจที่เข้มแข็งต่อระบบทุนนิยมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่การกล้าตัดสินใจก็มักนำพามาซึ่งเรื่องดีๆ เสมอเหมือนอย่างที่ตัวละครหลักอย่างกีฮุนแสดงให้เห็นในซีซันนี้
หากจะต้องติอะไรในซีซันนี้คงมีจุดให้ติติงกันเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าที่เมื่อดูแล้วกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องแบ่งเป็นภาคเลยด้วยซ้ำหากเนื้อเรื่องจะขยับมาเพียงนิดเดียวจากภาคที่แล้ว รวมไปถึงความไม่เมคเซนส์ของการกระทำบางอย่างในบางตัวละครที่ยิ่งดูแล้วยิ่งรู้สึกว่าพี่จะเอาแบบนี้จริงๆ เพียงแค่เพื่อให้เนื้อหาไปต่อได้เนี่ยนะ แถมยิ่งมุกของการเกิดขึ้นของทารกในเรื่องนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าถ้าจะมาด้วยสูตรสำเร็จนี้อุดมการณ์การแข่งขันทั้งหมดที่มีมันแทบไม่ต่างจากการมีตอนจบในตัวแล้ว เพียงแค่จะจบแบบใดให้ทุกคนพึงพอใจเท่านั้นเอง อีกเรื่องคือเกมการแข่งขันในภาคนี้เมื่อดูแล้วกลับรู้สึกไม่อิมแพคและสร้างกระแสเท่าเกม AEIOU ได้อีกเลย แม้จะมีการโปรโมทที่ลงทุนมากมายก็ตามแต่กลับไม่รู้สึกว่าเกมอื่นๆ จะมาอยู่ในความทรงจำของผู้ชมได้
อย่างไรก็ดี SQUID GAME ก็ยังคงเป็นซีรีส์ขึ้นหิ้งของ NETFLIX และมีการต่อยอดไปสู่ภาคต่อจากนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่ากระแสจะยังร้อนแรงต่อเนื่องแบบภาคเกาหลีหรือไม่ หรืออาจจะแป้กแบบเงียบสนิทก็คงต้องมารอดูกัน เหนือสิ่งอื่นใดยิ่งการได้เห็นซีรีส์นี้เข้าฉายอยู่เราเองก็เหมือนเห็นกระจกสะท้อนตัวเองออกมาได้ชัดเจนว่า พวกเราก็คือหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนไปด้วยทุนนิยมเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าจะเป็นคนมีจริยธรรมหรือเป็นคนไร้อารยธรรมนั้นเราเลือกเองได้
เพราะนี่แหละคือชีวิตที่พวกเราต้องเจอทุกวันบนโลกใบนี้
