เวียดนามจ่อแซงไทยขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน การท่องเที่ยวก็จะล้มไทยด้วย

6 พ.ค. 2568 - 07:15

  • รายงานฉบับใหม่จากศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (CEBR) ระบุว่า เวียดนามกำลังจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซงหน้าไทย โดยจะเป็นรองเพียงอินโดนีเซียในภูมิภาคอาเซียน และจะขยับขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 20 ของโลกภายในปี 2036

  • ขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกังวลว่าไทยอาจเสียตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังเวียดนามรายงานการเติบโตของนักท่องเที่ยวขาเข้าช่วงเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด

vietnam_set_to_overtake_thailand_southeast_asia_second_largest_economy_SPACEBAR_Hero_26a88a95e3.jpg

ตามรายงานฉบับใหม่จากศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (CEBR) ระบุว่า เวียดนามกำลังจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซงหน้าไทย โดยเวียดนามจะเป็นรองเพียงอินโดนีเซียในภูมิภาคอาเซียน และจะขยับขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 20 ของโลกภายในปี 2036 

ตารางจัดอันดับเศรษฐกิจโลกของ CEBR เน้นย้ำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี (2021-2025) ของเวียดนาม ซึ่งคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.5% ในช่วงทศวรรษข้างหน้า การเติบโตนี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งผนวกเข้ากับห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศผ่านข้อตกลงการค้าและการส่งออกที่หลากหลาย 

เวียดนามยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2045 ซึ่งต้องการอัตราการเติบโตของรายได้ต่อหัวเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี โดยเป้าหมายในแผน 5 ปีปัจจุบันสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวนี้ 

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า เวียดนามยังเผชิญอุปสรรคสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้ เช่น การชะลอตัวของการค้าโลก และจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น 

การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงนโยบายอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงต่อระบบอัตโนมัติ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ   

ข้อมูลแยกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เวียดนามได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 5.71 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18 ล้านล้านบาท) ซึ่งทำให้เวียดนามอยู่ในอันดับรองจากอินโดนีเซียและไทย แต่เหนือกว่ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ 

ไทยอาจเสียตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของอาเซียนไป...

vietnam_set_to_overtake_thailand_southeast_asia_second_largest_economy_SPACEBAR_Photo01_279df3196d.jpg
(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกังวลว่าไทยอาจเสียตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังเวียดนามรายงานการเติบโตของนักท่องเที่ยวขาเข้าช่วงเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ขณะที่ไทยต้องดิ้นรนกับการเติบโตที่ชะลอตัว

ธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวว่า “เวียดนามอาจแซงหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าไทยได้ภายใน 2-3 ปี” 

สำหรับปีนี้ เวียดนามตั้งเป้าไว้ที่ 23 ล้านคน ขณะที่กระทรวงการคลังของไทยปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 38.5 ล้านคนเป็น 36.5 ล้านคน 

ไทยมีนักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคนในเดือนมีนาคม ลดลง 20% จากปี 2019 ขณะที่เวียดนามมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนในเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2019 

“เวียดนามมีค่าครองชีพต่ำกว่าไทย รีสอร์ตและสวนสนุกสำหรับครอบครัวในเวียดนามใหม่กว่าและราคาถูกกว่าไทย อีกทั้งแพ็กเกจโรงแรมแบบรวมทุกอย่างในเวียดนามก็มีราคาถูกกว่าไทยถึงครึ่งหนึ่ง...เวียดนามยังสนับสนุนเอเย่นต์ท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น จากรัสเซีย โดยการอุดหนุนค่าเดินทางทางอากาศและลดค่าธรรมเนียมลงจอดที่สนามบิน ส่งผลให้เอเย่นต์เปลี่ยนเส้นทางทัวร์จากภูเก็ตไปยังเมืองญาจางในฤดูร้อนนี้” ธเนศ กล่าว 

ธเนศบอกอีกว่า เอเย่นต์ท่องเที่ยวต่างชาติบอกกับเขาว่าสนามบินในเมืองใหญ่ของเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสนามบินนานาชาติ ทำให้สามารถเปิดเส้นทางบินใหม่จากต่างประเทศได้ง่าย สนามบินเหล่านี้อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวโดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 30-45 นาที 

ในทางตรงกันข้าม หากนักท่องเที่ยวต้องการไปหัวหินหรือกาญจนบุรี พวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามบินในกรุงเทพฯ มากกว่า 3 ชั่วโมง

“เรายังคงพึ่งพาจุดแข็งเดิมๆ โดยไม่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว...หากรัฐบาลไม่ดำเนินนโยบายท่องเที่ยวเชิงรุกและเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมาย 36.5 ล้านคน”

ธเนศ กล่าว

สง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า “กรุงเทพฯ อาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากตลาดจีนหดตัวและนักท่องเที่ยวต่างชาติหันไปยังจุดหมายใหม่อย่างเวียดนาม” 

เวียดนามมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ตั้งแต่ธรรมชาติ ชายหาด ไปจนถึงย่านบันเทิงยามค่ำคืน โดยเฉพาะถนนคนเดินและย่านบันเทิงในโฮจิมินห์ซิตี้ที่สามารถแข่งขันกับถนนข้าวสารได้ 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (Atta) ได้ยื่นข้อเสนอต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและรัฐบาล ขอเงินอุดหนุน 320 ล้านบาทเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีน โดย Atta คาดว่าแผนนี้จะสร้างรายได้อย่างน้อย 8.3 พันล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป 55,869 บาท จากนักท่องเที่ยวจีน 150,000 คน 

Atta ระบุว่าโครงการนี้ไม่มีความเสี่ยงต่อรัฐบาล เพราะเป็นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนที่รับภาระค่าใช้จ่าย 80% โดยรัฐบาลสามารถกำหนดให้แต่ละเที่ยวบินต้องมีนักท่องเที่ยวจีนอย่างน้อย 150 คน จึงจะได้รับเงินอุดหนุน 300,000 บาท 

(Photo by Linh PHAM / AFP)

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์