เวียดนามบอกกับบริษัทต่างๆ ให้เข้มงวดการควบคุมแหล่งที่มาของสินค้าและวัสดุ รวมถึงปราบปรามสินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ผ่านดินแดนเวียดนาม และเข้มงวดการควบคุมการส่งออกสินค้าอ่อนไหวไปยังจีน เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46% จากรัฐบาลทรัมป์ นอกจากนี้ ทางการยังแจ้งต่อบริษัทต่างๆ ให้กระจายแหล่งที่มาของวัตถุดิบและหลีกเลี่ยงการพึ่งพาแหล่งเดียว
การเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ รับรองรายละเอียดแหล่งที่มาของสินค้านั้นเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับสินค้าจีนที่ถูกส่งไปยังสหรัฐฯ โดยติดฉลาก ‘Made in Vietnam’ ประกอบกับการที่รัฐบาลเวียดนามพยายามเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ
“สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดเดาได้ ในบริบทที่สหรัฐฯ พยายามจะเรียกเก็บภาษีกับหลายประเทศ รวมถึงเวียดนาม” รายงานระบุ
แม้ว่าภาษีศุลกากรจะถูกระงับเป็นเวลา 90 วัน แต่ทั้งสองประเทศตกลงที่จะเริ่มการเจรจาหลังจากที่รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้พบกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (9 เม.ย.)
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเวียดนามกล่าวว่า สหรัฐฯ และเวียดนามตกลงที่จะเริ่มเจรจาข้อตกลงการค้า หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษี 46% จากเวียดนามด้วย
นับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งวาระแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ บริษัทข้ามชาติหลายแห่งได้นำนโยบาย ‘จีนบวกหนึ่ง’ (China plus one) มาใช้ โดยตั้งโรงงานในเวียดนามเพื่อลดการเปิดรับความเสี่ยงจากจีน
เวียดนามเป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาคที่สำคัญสำหรับบริษัทตะวันตกหลายแห่ง และต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เวียดนามอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเนื่องจากพยายามรักษาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด เมื่อปีที่แล้ว เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลมากกว่า 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.1 ล้านล้านบาท) กับสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน เวียดนามเองก็ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับจีน ซึ่งเป็นแหล่งการลงทุนรายใหญ่ด้วยเช่นกัน
(Photo by AFP)