ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งทั้งกองกำลังป้องกันชาติ (National Guard) หลายพันนายและนาวิกโยธินอีกหลายร้อยนายเข้าควบคุมสถานการณ์การประท้วงในลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังผู้ประท้วงไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่บุกกวาดล้างคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
แม้ว่าฝ่ายที่เห็นด้วยจะเชียร์ทรัมป์ แต่ทั้งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียและนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตและสร้างความตึงเครียด
คนอเมริกันเองต่างก็มีความเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับประเด็นนี้
แล้วประธานาธิบดีหรือผู้ประท้วงที่ทำเกินเลย?
นี่คือสิ่งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 6 คนพูดเกี่ยวกับข่าวนี้
เอริค ไคเซอร์ วัย 46 ปี ไม่ได้ลงทะเบียนหนุนทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
ชายจากรัฐอินเดียนารายนี้กังวลเกี่ยวกับบรรทัดฐานที่ทรัมป์กำลังสร้างโดยการส่งกองกำลังป้องกันชาติเข้าไปในลอสแองเจลิส
“ผมเคยเห็นมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของเรื่องนี้ แต่สำหรับผม ดูเหมือนว่ารัฐบาลกลางกำลังเข้มงวดกับเรื่องนี้มากเกินไป ซึ่งทำให้ผมกังวล เนื่องจากการประท้วงถือเป็นรูปแบบการแสดงออกที่ได้รับการคุ้มครองในประเทศนี้
ผมกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้คนอเมริกันต้องเผชิญหน้ากับคนอเมริกันด้วยกันเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพอเมริกันกับพลเมืองอเมริกัน
รัฐบาลทรัมป์จัดการกับ (การบุกกวาดล้างของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE)) ในรูปแบบที่น่าสนใจ...ในขณะที่บุกจู่โจมฝ่ายเดียวเช่นนี้ พวกเขากำลังทำผิดพลาดหลายครั้ง และความผิดพลาดเหล่านั้นกำลังทำให้ผู้คนต้องสูญเสียอิสรภาพ (รัฐบาลทรัมป์) ไม่ยอมรับความผิดพลาดของพวกเขา และพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
ประเทศเรามีกฎหมายก็เพราะอย่างนี้แหละ”

เดมีซิโอ เกอร์เรโร วัย 70 ปี ลงทะเบียนสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
ชาวเท็กซัสที่เกิดในเม็กซิโกซึ่งเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้วรายนี้ สนับสนุนการส่งทหารไปปราบปรามการประท้วงที่ “น่าละอาย” ในแคลิฟอร์เนีย
“มันน่าละอายที่คนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศนี้กลับก่อจลาจล ผมคิดว่าผู้ก่อจลาจลส่วนใหญ่มีประวัติอาชญากรรม ไม่ก็ผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง
คนที่ต้องการอยู่ที่นี่เพื่อสร้างอนาคตและสร้างครอบครัวในประเทศที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้จะไม่ทำอย่างนี้ หลายคนถึงขั้นโบกธงชาติเม็กซิโก มันน่าละลายมาก
ผมนับถือประธานาธิบดีในหลายๆ ด้าน เขาเป็นคนที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จ เขาเป็นประธานาธิบดีที่รักษากฎหมายและระเบียบ เขาควรทำอย่างไร? ปล่อยให้คนพวกนั้นเผาขยะ? หรือปล่อยให้คนพวกนั้นทำลายลอสแองเจลิส?”
โลรี เกรกอรี วัย 62 ปี ลงทะเบียนสนับสนุนพรรคเดโมแครต
หญิงชาวแคลิฟอร์เนียรายนี้เสียใจกับสิ่งที่เธอเห็นในลอสแองเจลิสและ “การโจมตี” ผู้อพยพโดยรัฐบาลทรัมป์
“ตอนที่ฉันเห็นว่าพวกเขาส่งกองกำลังป้องกันประเทศเข้ามาฉันร้องไห้เลย เพราะเขาใช้ทุกอย่างที่ทำได้เป็นอาวุธ ไม่มีเสรีภาพในการพูด ไม่มีความเห็นต่าง ใช้วิธีการของฮิตเลอร์อีกแล้ว มันน่าเศร้าใจจริงๆ
ฉันแค่รู้สึกเห็นใจคนที่ตกเป็นเป้าของทรัมป์ มันผิด มันไม่ใช่อเมริกันเลย มันขัดกับสิ่งที่ประเทศนี้ก่อตั้งขึ้นมา
ฉันแค่ช็อก แต่จริงๆ ก็ไม่ควรเป็นแบบนั้น แต่ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันกำลังเกิดขึ้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ากองทัพและกองกำลังป้องกันชาติจะสนับสนุนเรื่องนี้”
จิม ซัลลิแวน วัย 55 ปี ลงทะเบียนสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
ชายชาวอินเดียนารายนี้ต้องการให้ยุติการใช้ความรุนแรง แต่ก็กังวลว่าการส่งกองทัพเข้ามาตอบโต้การประท้วงจะส่งผลอย่างไรในอนาคต
“ในความเห็นผม มันไปไกลเกินกว่าการประท้วงแล้ว นี่คือการโจมตีอำนาจอธิปไตยและประชาสังคมของเรา เราสามารถถกเถียงเกี่ยวกับนโยบายการย้ายถิ่นฐานได้ แต่ไม่ควรยอมให้เกิดความรุนแรงและความวุ่นวาย
[แต่ทรัมป์คือ] คนที่จะผลักดันกฎหมายให้ถึงขีดสุด และถ้าเขาสามารถทำได้มากกว่านี้ ผมคิดว่าเขาจะทำ และนั่นคือสิ่งที่ผมกังวล ผมไม่ได้เห็นด้วย 100% แต่ในเวลาเดียวกัน ผมคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง มันยังไม่ได้รับการดูแล
ความกังวลของผมคือเรื่องบรรทัดฐาน...ผมรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เราทำ เมื่อเราสร้างบรรทัดฐานใหม่ มันจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ และไม่ใช่ข้อยกเว้น
เดวิน เด เวลาสโก วัย 22 ปี ไม่ได้ลงทะเบียนหนุนทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
สาวจากรัฐเนบราสการายนี้บอกว่าเธออาจจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการประท้วงที่เกิดขึ้นในเมืองของเธอ เพราะเธอไม่พอใจกับสิ่งที่ทรัมป์ทำในแอลเอ
“ตอนดูคลิปฉันเห็นการประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ ดูเหมือนว่าทรัมป์แค่โกรธที่การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้น แทนที่จะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง
เขากลายเป็นประธานาธิบดีที่ใช้อำนาจของตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเขา มากกว่าที่จะทำตามความต้องการของประชาชน
ฉันอยากรู้ว่าเขาจะทำแบบนี้ไปถึงไหน
การที่ผู้คนออกมาประท้วงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ นั้นมีเหตุผลอย่างยิ่ง เนื่องจากความจริงแล้ว มีหลักฐานน้อยมากที่พิสูจน์ได้ว่ากระบวนการทางกฎหมายกับบุคคลที่ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ พาตัวไปและถูกคุมขังโดยไม่เป็นธรรมกำลังดำเนินอยู่”

รอส บาร์เรรา วัย 59 ปี ลงทะเบียนสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
ทหารผ่านศึกกองทัพสหรัฐฯ วัย 59 ปีที่เกษียณอายุราชการในตำแหน่งพันเอก และชาวเท็กซัสจากเมืองริโอแกรนด์ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่มีชาวละตินอเมริกาอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่รายนี้ เชื่อว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นลุกลามไปไกลเกินไปแล้ว
“ในเมื่อมลรัฐและรัฐบาลท้อวถิ่นไม่สามารถสนับสนุนกฎหมายของรัฐบาลกลาง ซึ่งในกรณีนี้คือคำสั่งเนรเทศ ก็จำเป็นต้องส่งกองกำลังเข้ามาเพื่อปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และการค้า
ผู้ประท้วงปิดถนนเส้นหลักหลายเส้น ทำให้การค้าสะดุด ทำลายและเผารถตำรวจ และแทรกแซงคำสั่งของตำรวจให้สลายการชุมนุมในบางพื้นที่
ทุกคนมีสิทธิประท้วง แต่คุณไม่มีสิทธิบังคับให้ผมหรือคนอื่นๆ ฟังคุณ การสร้างความรุนแรงเพื่อเรียกร้องความสนใจมาพร้อมกับผลที่ตามมา”
Photo by RINGO CHIU / AFP